อาเซียนถกแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ติดตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แนวทางรับมือปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ได้ข้อสรุปดันอาเซียนสู่ความเป็นดิจิทัล ชงแผนผู้นำเห็นชอบ ต.ค.นี้ ไทยย้ำการบังคับใช้ความตกลง RCEP ตามแผนเพื่อเร่งขยายการค้า การลงทุน
นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (High Level Task Force on ASEAN Economic Integration หรือ HLTF-EI) ครั้งที่ 40 ผ่านระบบประชุมทางไกล ซึ่งเป็นการประชุมระดับปลัดกระทรวงด้านเศรษฐกิจของอาเซียนเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา เพื่อหารือแนวทางการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ความร่วมมือของประเทศสมาชิกเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาค การทบทวนการดำเนินงานตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 การจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียนภายหลังปี 2025 การจัดทำยุทธศาสตร์ของอาเซียนเพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 (4IR) และประเด็นที่อาเซียนจะผลักดันในปี 2565 ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของกัมพูชา ก่อนเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ที่จะมีการประชุมในเดือน ก.ย. 2564
สำหรับไฮไลต์สำคัญของการประชุมในครั้งนี้ คือ การได้ข้อสรุปแผนยุทธศาสตร์อาเซียนในการรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 (4IR) ตามข้อเสนอของไทยในคราวทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนเมื่อปี 2562 ซึ่งแผนดังกล่าวเน้นการพัฒนาและยกระดับอาเซียนไปสู่ความเป็นดิจิทัล โดยจะเสนอแผนดังกล่าวให้ผู้นำอาเซียนเห็นชอบในเดือน ต.ค. 2564 และยังได้เน้นย้ำความสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการใช้ดิจิทัล การอำนวยความสะดวกทางการค้า การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เช่น MSMEs และการฟื้นฟูการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ประเมินผลการดำเนินงานของคณะทำงานในสาขาต่างๆ ตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 (AEC Blueprint 2025) ซึ่งดำเนินการมาได้ครึ่งทาง พบว่ามีความก้าวหน้า แต่จะต้องปรับปรุงการทำงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีการหารือเพื่อเตรียมจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียนภายหลังปี 2025 ด้วย ขณะที่ไทยได้เน้นย้ำความสำคัญของการบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ตามที่ตกลงกันไว้ คือ วันที่ 1 ม.ค. 2565 เพื่อเร่งขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาค
ขณะเดียวกัน กัมพูชาซึ่งจะทำหน้าที่ประธานอาเซียนปี 2565 ได้แจ้งให้ทราบอย่างไม่เป็นทางการถึงประเด็นที่จะให้ความสำคัญในปีหน้า เช่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการระบาดของโควิด-19 การสร้างความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี และการลดช่องว่างในการพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถด้านการแข่งขันของกลุ่มประเทศสมาชิก
ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอาเซียนในปี 2564 จะขยายตัว 4% ในขณะที่ปี 2565 จะขยายตัว 5.2% สำหรับการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในช่วง 6 เดือนปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 54,765.71 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.26% โดยไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 31,652.03 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 23,113.68 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์