“จุรินทร์” กำชับ “ปลัดพาณิชย์” และ “พาณิชย์จังหวัด” ติดตามสถานการณ์สินค้าอย่างใกล้ชิด ดูแลไม่ให้กระทบประชาชน พร้อมขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีโรงงานตั้งอยู่ หากพบปัญหาแรงงานติดโควิด-19 จนต้องปิดโรงงานให้พิจารณาปิดเป็นส่วน หรือถ้าแก้ปัญหาจบแล้วให้เปิดได้ ป้องกันกระทบการป้อนสินค้าในประเทศและส่งออก ยันติดตามการจำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 ใกล้ชิด ป้องกันโก่งราคา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในภาวะวิกฤตโควิด-19 ว่า ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด รวมทั้งมอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดเป็นกลไกสำคัญที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดแคลนจนกระทบต่อประชาชน โดยได้รับรายงานว่าไม่มีปัญหาสินค้าขาดแคลน และมีสินค้าเพียงพอต่อการบริโภค
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เข้าไปดูแลในส่วนของโรงงานผลิตสินค้าที่อาจจะมีปัญหาว่าโรงงานจะต้องถูกปิดกรณีพบแรงงานติดโควิด-19 โดยได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ให้รับฟังความเห็นของภาคเอกชนด้วย ในกรณีที่โรงงานประสบปัญหาเรื่องโควิด-19 หากจำเป็นต้องปิดโรงงานก็ขอให้ปิดเฉพาะในส่วนที่มีปัญหา ไม่ต้องการให้มีการปิดทั้งโรงงาน เพราะจะกระทบต่อการผลิต ทั้งปริมาณสินค้าในประเทศ และการส่งออก
ส่วนกรณีโรงงานที่ปิดทั้งโรงไปแล้ว หากมีหน่วยการผลิตไหนแก้ปัญหาจบ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้อนุญาตให้เปิดได้เป็นส่วนๆ ไป ไม่จำเป็นต้องรอให้แก้ปัญหาจบทั้งโรงงาน เพื่อไม่ให้สินค้าในประเทศขาดแคลน และไม่ให้การส่งออกติดขัด รวมทั้งขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวก กรณีการขนส่งสินค้าข้ามจังหวัด เพราะเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งอีกเรื่องหนึ่งสำหรับการที่จะต้องมีสินค้าให้บริการแก่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขติดตามสถานการณ์การจำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 อย่างใกล้ชิด หากพบว่ารายใดที่ขายแพงเกินสมควรจะใช้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มาตรา 29 เพื่อดำเนินคดีข้อหาค้ากำไรเกินควร ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้หารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงผู้จัดจำหน่าย ห้างและร้านสะดวกซื้อ พบว่าผู้ผลิตทุกรายยืนยันว่ากำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาแรงงาน แต่ก็เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน
ส่วนห้างต่างๆ ที่เป็นจุดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กรมการค้าภายในได้กำชับขอความร่วมมือให้ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์เพื่อรองรับสถานการณ์อย่างเต็มที่ โดยต้องเติมสินค้าเข้าตลอดเวลา เพราะในบางช่วงเวลาอาจมีความตื่นตระหนกจากผู้บริโภคบ้าง ที่จะระดมกันเข้าไปซื้อมากในบางช่วงเวลา แต่ก็ไม่ขาดแคลน ร้านสะดวกซื้อก็เป็นจุดหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำชับว่าให้เติมสินค้าไม่ให้ขาด และขอยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอ ไม่มีปัญหาแน่นอน