xs
xsm
sm
md
lg

“จุรินทร์” สั่งลุยเร่งทำตลาดออนไลน์ หลังผลงานครึ่งปีแรกทำเงินเข้าประเทศ 14,679 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จุรินทร์” สั่งลุยทำตลาดเพิ่มยอดการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังผ่านช่องทางออนไลน์ให้เข้มข้นขึ้น หลังผลงานครึ่งแรกปี 64 ทำรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 14,679 ล้านบาท เผยประสบความสำเร็จตามเป้า ทั้งการจัดงานแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้รายงานผลการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ทางช่องทางออนไลน์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับทราบผลการดำเนินงานที่ทำรายได้เข้าประเทศจากกิจกรรมที่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 14,679.19 ล้านบาท ซึ่งนายจุรินทร์ได้ชื่นชมผลการทำงาน และได้เร่งรัดให้ดำเนินการต่อในช่วงครึ่งปีหลังอย่างเข้มข้น ตามนโยบายที่ให้ไว้เพื่อทำรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น

สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงาน ได้มีการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบ Mirror-Mirror ที่ผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้าแค่ส่งตัวอย่างสินค้าไปจัดแสดง หรือมอบหมายตัวแทนจำหน่ายเข้าร่วมงานแทน และจัดระบบเจรจาการค้าผ่านออนไลน์ จัดไปแล้ว 3 งาน ได้แก่ งาน Tokyo International Gift Show (สินค้าไลฟ์สไตล์ ของขวัญของชำร่วย ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ สินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง) งาน Gulfood ณ นครดูไบ UAE (สินค้าฮาลาล) และงาน Foodex Japan ณ เมืองชิบะ (สินค้าอาหาร) และยังได้ใช้รูปแบบเดียวกันนี้จัดงานแสดงสินค้าไทย Top Thai Brands 2 ครั้ง ที่กรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมรวม 213 ราย มีมูลค่าสั่งซื้อทันที 41.74 ล้านบาท มูลค่าคาดการณ์สั่งซื้อภายใน 1 ปี 602.52 ล้านบาท

ส่วนการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบเสมือนจริง จัดไปแล้ว 3 งาน ได้แก่ THAIFEX Virtual Trade Show โดยจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม www.thaifex-vts.com วันที่ 25-29 พ.ค. 2564 มียอดสั่งซื้อทันที มูลค่ารวม 2,845,100 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 85 ล้านบาท และคาดการณ์สั่งซื้อภายใน 1 ปี 22,515,133 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 675 ล้านบาท และมีกำหนดจัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX ANUGA Asia ในรูปแบบไฮบริดอีกในวันที่ 29 ก.ย.-3 ต.ค. 2564 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดว่าจะทำรายได้เช่นเดียวกัน, งาน BGJF Virtual Trade Fair วันที่ 22-24 มิ.ย. 2564 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นงานที่จัดต่อเนื่องมาถึง 65 ครั้ง โดยในปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่จัดงานในรูปแบบเสมือนจริง บนแพลตฟอร์ม www.bgjf-vtf.com มีมูลค่าการสั่งซื้อ 576 ล้านบาท และงานแสดงสินค้า Multimedia Online Virtual Exhibition หรือ MOVE 2021 ซึ่งเป็นกิจกรรมการส่งออกด้านมัลติมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ แอนิเมชัน หรือว่าดิจิทัลคอนเทนต์ มีการลงนามซื้อขาย 1,586 ล้านบาท

ทางด้านกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ ในช่วง 6 เดือนของปี 2564 จัดไปแล้วรวม 44 ครั้ง ในสินค้าต่างๆ เช่น อาหาร ผลไม้ สินค้าฮาลาล สินค้าเครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น สร้างยอดขายรวม 8,335.43 ล้านบาท และล่าสุดได้จัดเจรจาธุรกิจคอนเทนต์วายไทย วันที่ 29-30 มิ.ย. 2564 มียอดซื้อขายกว่า 360 ล้านบาท

นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในซูเปอร์มาร์เกตและห้างสรรพสินค้า ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influencers/ KOL) ในตลาดเป้าหมาย เพื่อสร้างความต้องการในตัวสินค้าไทยในประเทศนั้นๆ มีมูลค่าการสั่งซื้อทันที 715 ล้านบาท และมูลค่าการสั่งซื้อคาดการณ์ภายใน 1 ปี กว่า 1,411 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน มีกิจกรรมพิเศษที่เพิ่มเข้ามา เช่น งาน “DITP ยี่ปั๊วออนไลน์ คอนเนค” หรือ DITP’s Online Reseller Connect ระหว่างวันที่ 24 -28 พ.ค. 2564 ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังไม่พร้อมในการขายสินค้าทางออนไลน์ให้มีโอกาสในการก้าวสู่ตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ โดยให้ทูตพาณิชย์เชิญผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีศักยภาพในแต่ละประเทศที่มีความชำนาญในการขายสินค้าออนไลน์มาซื้อสินค้าไทย มีการสั่งซื้อไม่ต่ำกว่า 290 ล้านบาท สินค้าไทยจะถูกนำไปจำหน่ายในแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น Alibaba.com, Amazon, Tmall Global, Bigbasket และ DidiGlobal โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจสูง ได้แก่ ผลไม้สดและแปรรูป อาหารสำเร็จรูป ของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าประดับยนต์ เป็นต้น และยังได้ร่วมกับอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เช่น TMall Global (จีน) Big Basket (อินเดีย) Amazon (สหรัฐฯ) จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในร้าน TOP Thai ซึ่งทำให้ขายสินค้าไทยได้เพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น