“จุรินทร์” สั่งกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลุยงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และสหรัฐฯ ตั้งเป้าไทยถูกปลดออกบัญชีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทุกบัญชี หลังล่าสุดสหรัฐฯ คงสถานะในบัญชี WL เท่าเดิม เหตุไทยมีนโยบายและผลการดำเนินงานสำเร็จหลายด้าน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมมือทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน ในการดำเนินการเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาให้มีความคืบหน้า ทั้งการป้องปรามการละเมิด การพัฒนากฎหมาย และการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศ รวมทั้งให้ร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการร่วมจัดทำแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) การหารือในการประชุมกรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ และการหารือสองฝ่ายในโอกาสต่างๆ เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตามอง (Watch List : WL) และทุกบัญชีในอนาคต เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้ประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ประจำปี 2564 ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) โดยยังคงให้ไทยอยู่ในบัญชี WL ร่วมกับ 23 ประเทศ เช่น ไทย เวียดนาม ปากีสถาน ไนจีเรีย โรมาเนีย ตุรกี บราซิล แคนาดา และเปรู เป็นต้น ส่วนบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List : PWL) มี 9 ประเทศ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย ยูเครน อาร์เจนตินา ชิลี และเวเนซุเอลา
นายจุรินทร์กล่าวว่า การจัดสถานะปีนี้ ถือว่าน่าพอใจ และต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ที่ร่วมแรงร่วมใจในการทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด การที่ไทยมุ่งมั่นพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะส่งผลให้ไทยสามารถรักษาสถานะในบัญชี WL ไว้ได้แล้ว ยังมีส่วนเสริมสร้างบรรยากาศทางการค้าการลงทุนในประเทศ และสร้างแรงจูงใจให้คนไทยคุ้มครองและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญามากยิ่งขึ้น อันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ
นอกจากนี้ ยังส่งผลดีที่ประเด็นนี้จะไม่ถูกนำไปเป็นเงื่อนไขทางการค้า หรือสร้างปัญหาในอนาคต ที่อาจจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกได้ ทำให้ไทยยังค้าขายได้ปกติ และสามารถแข่งขันกับสินค้าของประเทศอื่นในตลาดสหรัฐฯ ได้ต่อไป
รายงานของสหรัฐฯ ระบุว่า ชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมชื่นชมกระทรวงพาณิชย์ที่พัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง ปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง ทั้งในท้องตลาดและบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งการพัฒนากฎหมายให้ทันสมัย ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัจจุบัน และเตรียมการเข้าเป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศ เช่น ความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์แห่งองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ตลอดจนการจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญาในหลากหลายรูปแบบ และยังยกย่องให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานแกนกลางสำคัญในการบูรณาการงานระหว่างภาครัฐของไทยกับภาคเอกชนต่างประเทศ ทำให้สหรัฐฯ ทราบการดำเนินการของไทยที่ชัดเจน