xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” นัดถกภาคเอกชน 28 เม.ย.นี้ หวังเร่งแผนจัดหาวัคซีนโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกรัฐมนตรีร่อนหนังสือเชิญภาคเอกชนโดยเฉพาะ “กกร.” เข้าหารือด่วน 28 เมษายนนี้ เพื่อหามาตรการและแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 หลังเอกชนพร้อมควักจ่ายเพื่อระดมฉีดให้พนักงานเอง หวังช่วยลดภาระภาครัฐและกระจายฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นเพื่อขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือเชิญภาคเอกชน เช่น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ฯลฯ เพื่อเข้าร่วมหารือเป็นการด่วนถึงข้อเสนอของภาคเอกชนต่อการกระจายวัคซีนและการนำเข้าวัคซีนในวันที่ 28 เมษายนนี้

“นายกฯ ได้ทำหนังสือเชิญมาเมื่อ 22 เมษายน เพื่อให้ภาคเอกชนเข้าหารือร่วมแบบเร่งด่วน ซึ่งจะมีการพูดคุยกันเรื่องที่ภาคเอกชนได้เสนออย่างต่อเนื่องถึงแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 เพื่อที่จะเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เช่น การนำเข้าวัคซีน แผนการกระจายวัคซีน และวัคซีนทางเลือกซึ่งเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลฟังเสียงภาคเอกชน ซึ่งล่าสุด กกร.เองก็ได้ระดมสมองกันในการนำเสนอแนวทางเพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19” นายสุพันธุ์กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของ ส.อ.ท.จะเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ผ่อนคลายระเบียบเพื่อให้มีการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ได้มากขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดรอบใหม่ครั้งนี้พบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในอัตราที่สูงมากเฉลี่ยกว่า 1,000 รายต่อวัน ขณะที่ระเบียบเดิมของ อย.ในการนำเข้าวัคซีนต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 เดือนกว่าจะอนุมัติในหลักการได้ ซึ่งเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวช้าเกินไปเมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

นายสุพันธุ์กล่าวว่า กกร.มีความพร้อมที่จะจัดหาวัคซีน ซึ่งประเมินเบื้องต้นขั้นต่ำไว้ประมาณ 5 ล้านโดสที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เพื่อจะนำมาฉีดให้แก่พนักงานของภาคเอกชนเอง ซึ่งเป็นคนกลุ่มหลักในภาคแรงงานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งบริษัทหลายแห่งมีความพร้อมที่จะจัดซื้อวัคซีนเองโดยไม่รอวัคซีนจากภาครัฐเพราะเกรงว่ากว่าจะถึงคิวอาจล่าช้าได้ขณะที่เอกชนต้องการขับเคลื่อนธุรกิจ

“คนกลุ่มนี้คือแรงสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งทางบริษัทหลายแห่งมีความพร้อมที่จะซื้อวัคซีนเพื่อนำมาฉีดให้พนักงานตัวเองก่อนโดยไม่รอวัคซีนจากรัฐบาล เพราะกว่าจะถึงคิวรับวัคซีนอาจจะล่าช้า ขณะที่เศรษฐกิจและธุรกิจต้องการการขับเคลื่อน” นายสุพันธุ์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า กกร.เมื่อ 21 เม.ย.ได้หารือถึงการระบาดโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน โดยประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะมีอย่างน้อย 3 เดือน จึงได้ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยใหม่ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ปี 2564 จะเติบโต 1.5-3.0% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 1.5-3.5% และหากรัฐไม่สามารถเร่งใช้เม็ดเงินที่มีประมาณ 2-2.5 แสนล้านบาทเข้ามาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งเร่งฉีดวัคซีนโดยเร็ว เศรษฐกิจไทยจะถดถอยลงอีก 1-2% หรือเหลือ 0% ก็มีโอกาสเป็นไปได้ จึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนเร่งด่วน และเอกชนส่วนหนึ่งพร้อมจะจ่ายเงินนำเข้าวัคซีนเองเพื่อลดภาระรัฐและเร่งกระจายการฉีดให้เร็วขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น