บอร์ดอีอีซีไฟเขียวผลเจรจาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 พอใจ “กัลฟ์-ปตท.ไชน่าฮาร์เบอร์” เพิ่มผลตอบแทนรัฐ 2.9 หมื่นล้านบาท “ศักดิ์สยาม” เผยต่ำกว่าราคากลางไม่เกิน 10% เร่งชง ครม.เห็นชอบ คาด กทท.ลงนามได้ใน 3 เดือน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 1/2564 มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณา วันที่ 1 มี.ค. 64 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F วงเงิน 84,361 ล้านบาท ระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี ซึ่งนายคณิต แสงสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้รายงานผลการเจรจา ซึ่งเอกชนได้มีการปรับเพิ่มผลตอบแทนรัฐมาอยู่ที่ 29,050 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบราคากลาง 32,225 ล้านบาทประมาณ 9.85% ซึ่งตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างให้ดำเนินการได้หากราคาต่ำกว่าราคากลางไม่เกิน 10%
หลังจากนี้ เลขาฯ อีอีซีจะต้องสรุปรายงานมติบอร์ดอีอีซีและผลการพิจารณา พร้อมกับเหตุผลในการเจรจาและพิจารณากรณีที่มีผลตอบแทนต่ำกว่าราคากลาง ซึ่งไม่เกิน 10% เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ซึ่งคาดว่าหลัง ครม.อนุมัติจะสามารถลงนามสัญญากับเอกชน คือ กลุ่ม GPC ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT TANK) บริษัท ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้ภายใน 3 เดือน
โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ยังอยู่ในแผนงาน โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568 และสอดคล้องกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โครงการเมืองการบินอู่ตะเภา ที่จะแล้วเสร็จในปี 2568
นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ดอีอีซียังได้รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยอนุมัติค่าเวนคืนเพิ่มเติมประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบวงเงินค่าเวนคืน และจะส่งมอบพื้นที่ได้ทั้งหมดในวันที่ 24 ต.ค. 2564 ตามสัญญา นอกจากนี้ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน หรือกลุ่ม ซี.พี.จะมีการลงนามในการบริหารที่ดินมักกะสันในเดือน มี.ค. 2565 อีกด้วย