ผู้จัดการรายวัน 360 - “นินจา แวน” รุกหนักตลาดขนส่งด่วนในไทย รับตลาดโลจิสติกส์ในไทยบูมมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาทหรือสัดส่วน 14% ของจีดีพี เร่ง “ขยายจุดรับพัสดุ-เพิ่มพนักงานอีก 2 เท่า-สร้างแวร์เฮาส์ใหม่ขนาดใหญ่” วางเป้าปีนี้โต 300%
นายเพียซ เอิง กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน ผู้คนหันไปใช้บริการออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเสื้อผ้า สิ่งของหรือแม้กระทั่งอาหาร สินค้าบางอย่างที่วางขายทั่วไปตามตลาดหรือพื้นที่ชุมชน ตอนนี้สามารถหาซื้อได้ทางออนไลน์แล้ว จากนโยบายเยียวยาของรัฐบาลเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้เทคโนโลยีในการขายสินค้ามากขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีว่าโอกาสในการซื้อขายสินค้าออนไลน์จะเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดในปี 2563 สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทยให้ข้อมุลว่า ธุรกิจโลจิสติกส์มีสัดส่วนถึง 14% ของ GDP หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท และคาดว่าตลาดจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี
ดังนั้น บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตขึ้นในประเทศไทยปี 2564 นี้อีก 300% ซึ่งเทียบเท่ากับความสำเร็จของปี 2563 ที่ผ่านมา โดยจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่งเสริมในด้านบริการต่างๆ แก่ผู้ส่งสินค้าและลูกค้า และมีการลงทุนทางด้านโครงสร้างธุรกิจเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน
บริษัทได้เปิดตัวเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดที่สามารถมอบความช่วยเหลือและมอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ เช่น ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของของผู้คน ซึ่งเจ้าของธุรกิจที่เป็นลูกค้าของ Ninja Van สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังมอบข้อมูลเรื่องสถานะการขนส่งของสินค้า
นอกจากนั้น Ninja Van ได้ย้ายสำนักงานใหม่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ทีมขาย ทีมโลจิสติกส์ และฝ่ายบริการลูกค้าสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บริษัทมีแผนที่จะสร้างแวร์เฮาส์ใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในไตรมาสที่ 4 และจะมีการขยายจุดรับพัสดุเพิ่มขึ้นทั่วประเทศเพื่อให้สะดวกต่อผู้ใช้บริการในต่างจังหวัดและทั่วทุกภูมิภาค รวมทั้งมีแผนเพิ่มจำนวนพนักงานขึ้นอีกเป็น 2 เท่า หรือ 200% และจะจัดการอบรมพนักงานขนส่งเพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้นระหว่างผู้ส่งกับผู้รับ
สำหรับ 3 กลยุทธ์หลักที่จะเน้นในปี 2564 นี้ คือ 1. การเพิ่มความแม่นยำในการแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้ามากขึ้น ธุรกิจขนส่งมีหลายปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และช่วยเหลือลูกค้าแก้ไขปัญหา ทั้งการใช้เทคโนโลยีสร้างแพลตฟอร์มในการติดตามการแก้ปัญหา การจัดตั้ง warroom ซึ่งได้ทดลองใช้ในช่วงเซลปลายปี และพัฒนาเพื่อใช้งานอย่างถาวรเพื่อการติดตามและแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วขึ้น
2. การเพิ่ม capacity เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนนี้ เช่นแวร์เฮาส์ใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในไตรมาสที่ 4 และ 3. การนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาบริการ เช่น Ninja Chat ที่ลูกค้าสามารถลงทะเบียนใช้งานใน facebook และสามารถใช้เช็กสถานะพัสดุได้บน facebook โดยไม่ต้องเข้าเว็บไซต์ จะช่วยตอบคำถามผู้สั่งซื้อแทน เพื่อให้ลูกค้าเหลือเวลาในการพัฒนาธุรกิจมากขึ้น และ Ninja Insider ที่ให้ข้อมูลด้านการตลาดเพื่อสนับสนุนการเติบโตธุรกิจของเอสเอ็มอี
• นายเพียซ เอิง กล่าวด้วยว่า ปริมาณการขนส่งพัสดุของ Ninja Van ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 300% หรือเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนทางเทคโนโลยี บุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับต่อการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2563 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 Ninja Van ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่และให้ความสำคัญต่อพาร์ตเนอร์ธุรกิจรายย่อย
• นอกจากนี้ Ninja Van ยังให้ความสำคัญต่อการขนส่งทางจักรยานยนต์ โดยเพิ่มผู้ขับขี่เป็น 2 เท่า และเปิดตัว Ninja Insider ฟีเจอร์รายงานข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้ร้านค้ามีข้อมูลด้านโลจิสติกส์และการวางแผนต้นทุนเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อีกทั้งบริษัทฯ ได้เปิดตัว Ninja chat ที่จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการจัดส่ง หรือจะต่อสายตรงเพื่อขอคำปรึกษากับคอลเซ็นเตอร์ได้อีกด้วย โดยการพัฒนาดังกล่าวทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 250% จัดส่งพัสดุเพิ่มขึ้นถึง 300% และเพิ่มยอดการเข้ารับจากการจองล่วงหน้า หรือ on demand pickup เป็น 2 เท่าตัว