xs
xsm
sm
md
lg

TSTH ชี้ปี 64 ดีมานด์เหล็กไทยโตแตะ 18-19 ล้านตัน อ้อนรัฐออกมาตรการห้ามส่งออกเศษเหล็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทาทา สตีลคาดปีนี้ความต้องการใช้เหล็กในประเทศพุ่งแตะ 18-19 ล้านตันหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว ภาครัฐเร่งการเบิกจ่ายและโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง บริษัทลั่นมีปริมาณการขายงวดปี 64 ทะลุเป้ามาอยู่ที่ 1.29-1.3 ล้านตันหลังจากจีนลดการส่งออกเหล็ก ทำให้มีการใช้เหล็กในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันอ้อนรัฐออกมาตรการห้ามส่งออกเศษเหล็ก หวั่นในประเทศไม่พอใช้ หลังจีนเลิกห้ามนำเข้าเศษเหล็ก

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TSTH) เปิดเผยว่า ในการบริโภคเหล็กในไทยปี 2564 จะฟื้นตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 18-19 ล้านตัน จากปีก่อนการบริโภคเหล็กในไทยโตขึ้น 8% มาอยู่ที่ 16-16.6 ล้านตัน สืบเนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวทำให้เกิดดีมานด์เหล็กในประเทศมากขึ้นทำให้จีนลดการส่งออกเหล็กมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการในไทยหันมาซื้อเหล็กในประเทศเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะเหล็กลวด ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ผลักดันการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงและการใช้จ่ายของภาครัฐทำให้มีตัวเลขการใช้เหล็กในประเทศเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาวัตถุดิบเหล็กทั้งแร่เหล็ก เศษเหล็ก และบิลเล็ตได้ปรับตัวสูง ขณะที่ราคาสินค้าเหล็กปรับขึ้นราคาตามไม่ทัน ทำให้มาร์จิ้นของผู้ผลิตเหล็กแคบลง ล่าสุดจีนอนุญาตให้มีการนำเข้าเศษเหล็กเข้าประเทศได้จากเดิมห้ามนำเข้า ทำให้เชื่อว่าจะมีเศษเหล็กไหลเข้าจีน ขณะที่ไทยเองก็ยังต้องนำเข้าเศษเหล็กมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตเนื่องจากเศษเหล็กในประเทศไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงอยากขอให้รัฐบาลไทยประกาศห้ามส่งออกเศษเหล็ก แต่ให้ส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กแทน เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศมีวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตป้อนตลาดต่อไป

นายราจีฟกล่าวต่อไปว่า ปริมาณการขายเหล็กของบริษัทในไตรมาส 4 งบปี 2564 นี้ (ม.ค.-มี.ค. 64) จะสูงกว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมาซึ่งมีปริมาณการขายอยู่ที่ 328,000 ตัน ทำให้ผลประกอบการงวดปี 2564 (เม.ย. 63-มี.ค. 64) บริษัทมั่นใจว่ามีปริมาณการขายเหล็กอยู่ที่ 1.29-1.3 ล้านตัน เติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน นับเป็นปริมาณการขยายที่สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1.22 ล้านตัน

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 (ต.ค.-ธ.ค. 63) บริษัทมีรายได้จากการขาย 5,414 ล้านบาท EBITDA อยู่ที่ 197 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่กดดันเศรษฐกิจประเทศคือการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ และความขัดแย้งทางการเมือง คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด


กำลังโหลดความคิดเห็น