xs
xsm
sm
md
lg

เอสเอ็มอีรอลุ้นข่าวดี"สุริยะ"มอบธพว.คลอดมาตรการดูแลรับมือโควิดระลอกใหม่สัปดาห์นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สุริยะ” สั่งหน่วยงานในสังกัดเร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเร่งด่วนเพื่อรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ คาดธพว. เตรียมประกาศรายละเอียดมาตรการดูแลภายในสัปดาห์นี้ ด้านสศอ.เกาะติดผลกระทบอุตสาหกรรมใกล้ชิดมีทั้งรับปัจจัยบวกและลบต่อเนื่องในปี 2564

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ เตรียมจะออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) ผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ก้าวผ่านวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 รอบใหม่ โดยคาดว่าสัปดาห์นี้ ธพว.จะดำเนินการในการออกข่าวประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้ประกอบการยื่นขอรับความช่วยเหลือต่อไป

อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจโลกและภาวะเศรษฐกิจไทยเกิดการชะลอตัวของอุปสงค์และอุปทานในหลายอุตสาหกรรมจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในปี 2563 ตลอดจนส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังการผลิตและการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไทย ดังนั้นสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ในฐานะหน่วยงานที่วิเคราะห์ภาพรวมและกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยได้รายงานผลกระทบภาคอุตสาหกรรมปี พ.ศ. 2563ที่ผ่านมาเพื่อประเมินภาพรวมและแนวทางการปรับตัวของอุตสาหกรรมไทยในปี 2564

ทั้งนี้พบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์และได้รับผลกระทบแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์และมีการผลิตขยายตัวอย่างต่อเนื่องแม้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากความจำเป็นในการอุปโภคและบริโภค และความกังวลของระยะเวลาการระบาด ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร เช่น เนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น ผักผลไม้แช่แข็ง ผลไม้และผักบรรจุกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ได้แก่ ตู้เย็น ไมโครเวฟ สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ วงจรรวมและฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ที่มีปัจจัยบวกจากกการทำงานอยู่บ้าน(WFH) ส่วนอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และอุตสาหกรรมถุงมือยาง เนื่องจากยังคงมีความต้องการใช้ทางการแพทย์และในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นทั้งภายในประเทศและการส่งออก

2.อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบไม่มากนัก และมีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ได้แก่ อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ที่มีการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ อุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีการผลิตขยายตัว 0.5-3% ได้แก่ อุตสาหกรรมแฟชั่น (สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ เครื่องหนัง) เริ่มกลับมาฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และกลุ่มน้ำมันเตาจะมีการขยายตัวจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบมากจากการแพร่ระบาดในรอบแรกแต่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และ 3.อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตน้ำมันเครื่องบินยังคงมีข้อจำกัดจากการเดินทางทางอากาศ

 


น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การผลิตของหลายอุตสาหกรรมปี 2564 ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และยังต้องจับตาดูหลายอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด โดยจากนโยบายของรมว.อุตสาหกรรมได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมพร้อมรับมือการระบาดโควิด-19รอบใหม่เพื่อให้สามารถนำมาใช้อย่างทันท่วงที

“การระบาดรอบใหม่มีโอกาสที่จะสร้างผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับการเกิดระบาดในรอบแรก เช่น ขาดวัตถุดิบ/ชิ้นส่วนนำเข้าขาดสภาพคล่องทางการเงิน ภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เป็นต้นซึ่งผู้ประกอบการบางส่วนได้วางแผนรับมือแล้วโดยเฉพาะรายใหญ่จะปรับตัวได้ดีกว่ารายเล็กซึ่งกระทรวงอุตฯจึงมุ่งที่จะเข้าไปช่วยเหลือในส่วนนี้”น.ส.สุชาดากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น