กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท.คาดความต้องการใช้เหล็กปี 2564 โต 5-8% จากปีก่อนตามทิศทาง ศก.ไทยและนโยบาย Made in Thailand ของรัฐบาลที่ส่งเสริมใช้สินค้าในประเทศรวมถึงเหล็ก จับตาราคาเหล็กตลาดโลกพุ่งต่อเนื่องตลอดไตรมาส 1 ปีนี้เหตุความต้องการจากจีนพุ่ง คาดไตรมาส 2 แนวโน้มการกลับมาของการเปิดเตาถลุงจะทำให้ราคาเริ่มลดความร้อนแรง
นายนาวา จันทนสุรคน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการใช้เหล็กของไทยในปี 2564 คาดว่าจะเติบโตจากปี 2563 ประมาณ 5-8% หรืออยู่ที่ประมาณ 17-18 ล้านตัน ซึ่งสอดรับกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากปีก่อน ประกอบกับนโยบาย “Made in Thailand” ที่กรมบัญชีกลางได้มีการประกาศกฎกระทรวง กำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 (ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา 22 ธันวาคม 2563) ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่า 60% ของพัสดุที่จะใช้ ที่ได้ขึ้นบัญชีรายชื่อไว้กับ ส.อ.ท.ซึ่งจะเป็นผลบวกการใช้เหล็กในประเทศเพิ่มขึ้น
“ได้มีการลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และคาดว่าการปฏิบัติทางกรมบัญชีกลางน่าจะแจ้งและมีผลได้เดือน ก.พ.นี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะรวมถึงอุตสาหกรรมเหล็กด้วยที่จะเป็นผลดีเพราะงานก่อสร้างได้กำหนดให้ใช้เหล็กที่ผลิตในประเทศก่อนโดยต้องไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าหรือปริมาณเหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้างทั้งหมด แม้ว่าในระเบียบใหม่จะเปิดช่องให้มีการนำเข้าได้กรณีที่จำเป็นแต่เชื่อว่าหน่วยงานรัฐจะนำไปสู่ภาคการปฏิบัติได้ตามที่กำหนดไว้” นายนาวากล่าว
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเหล็กยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิดคือระดับราคาเหล็กตลาดโลกที่มีการปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2563 โดยเฉพาะจากความต้องการของจีนที่เพิ่มขึ้นแม้ว่าต้องเผชิญกับภาวะโควิด-19 แต่เศรษฐกิจไตรมาส 2-3 กลับยังขยายตัวได้ดีทำให้จีนมีความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นในปี 2563 ถึง 8% เมื่อเทียบกับปี 2562 ส่งผลให้จีนมีการนำเข้าเหล็กเกือบทุกประเภทจากต่างประเทศ ขณะที่หลายประเทศเผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยทั้งยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้มีการปิดเตาถลุงเหล็กไปหลายแห่ง จึงผลักดันให้ราคาเหล็กตลาดโลกทุกประเภททั้งเหล็กก่อสร้าง เหล็กทรงแบน เหล็กทรงยาวขยับขึ้นจากปลายปีจนถึงขณะนี้เฉลี่ยกว่า 10% แล้ว และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นต่อเนื่อง
“ปี 2564 ต้นปีปัญหาการทุ่มตลาดจากจีนไม่มีแล้ว เพราะเขาเองกลับขาดแคลนต้องนำเข้าเมื่อจีนต้องการเพิ่มจึงดันทั้งราคาเหล็ก และวัตถุดิบทั้งสินแร่เหล็ก เศษเหล็กตลาดโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยจีนได้มีการนำเข้าเหล็กปี 2563 สูงเป็นประวัติการณ์ และจุดที่น่าห่วงคือจีนมีการผ่อนคลายให้มีการนำเข้าเศษเหล็กเพื่อป้องกันขาดแคลน มีผล 1 ม.ค. 64 จึงทำให้ราคาเศษเหล็กแพงตามไปด้วยต้นทุนรวมจึงสูงขึ้น โดยในส่วนราคาเหล็กในไทยได้มีการทยอยปรับขึ้นช่วงปลายปีมาแล้วแต่ก็ไม่ได้มากตามตลาดโลกเพราะดีมานด์ยังต่ำ” นายนาวากล่าว
ทั้งนี้ หากมองแนวโน้มราคาเหล็กตลาดโลกน่าจะมีการปรับขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกปี 2564 และน่าจะลดความร้อนแรงลงในช่วงไตรมาส 2 เนื่องจากการปิดเตาถลุงเหล็กที่ผ่านมาจากปัญหาความต้องการทั่วโลกที่ลดลงเพราะผลกระทบโควิด-19 กำลังทยอยกลับมาเปิดใหม่อีกครั้งและคาดว่าจะเริ่มมีการผลิตได้เต็มที่จะเป็นในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นสำคัญ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจของจีนด้วย หากจีนยังต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปัญหาดังกล่าวก็อาจจะไม่ได้ทุเลามากนัก ดังนั้นยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจโลกเช่นกัน