xs
xsm
sm
md
lg

“เอพริล” รุก “ร้านกาแฟ-ออนไลน์” ปั้นแบรนด์ “เบรดโด”-ลุยแช่แข็ง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอพริล” ขนมเปี๊ยะดัง เดินหน้ารุกหนัก ขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ นำร่องตีตลาดร้านกาแฟ มุ่งสู่ออนไลน์ สยายปีกอาหารแช่แข็งบุกซูเปอร์มาร์เกต พร้อมปั้นแบรนด์ใหม่ร้านขนมปังเบรดโด และครัววนิดา

นางสาวกนกกัญจน์ มธุรพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงหา ฟู้ด อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมเปี๊ยะแบรนด์เอพริล (April) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจทั้งในธุรกิจเดิมและธุรกิจแบรนด์ใหม่ทั้งในแง่ของการตลาดและช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เพิ่มเติมกับแบรนด์เอพริล ที่มีสินค้าหลายตัวเช่น ขนมเปี๊ยะ ขนมพาย เค้ก เป็นต้น เพื่อสร้างการเติบโตและความยั่งยืนของธุรกิจ ซึ่งในปีหน้า 2564 จะเห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ปีนี้เราเริ่มมีการทำบ้างแล้วเป็นการปูพื้นฐานไว้ก่อน

“สถานการณ์โควิด-19 ระบาดที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เราต้องหันกลับมาดูตัวเอง ยอมรับว่าโควิดที่เกิดขึ้นนี้ สอนให้เราเรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากขึ้น อะไรที่ควรต้องทำ ต้องขยาย และต้องทำอย่างไร เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ปีนี้เราก็เหนื่อยต้องทำอะไรหลายอย่างเหมือนกัน แต่ก็กลับเป็นปีที่เราเติบโตอยา่งมากเช่นกัน” นางสาวกนกกัญจน์กล่าว


ล่าสุดคือการตั้งทีมขายขึ้นมาใหม่เพื่อการขยายช่องทางจำหน่ายเข้าร้านกาแฟเบเกอรี่ต่างๆที่มีทั้งที่เป็นเชนขนาดใหญ่แต่ในลักษณะสาขาต่อสาขาไม่ได้ทั้งหมดและแบรนด์ร้านทั่วไป ขณะนี้สามารถเข้าวางจำหน่ายได้แล้วประมาณ 80 แห่ง เช่น ร้านมิ้ลค์แลนด์ ร้านอินทนิน ร้านคาเฟ่อเมซอน ในบางสาขา เป็นต้น คาดว่าสิ้นปี 2563 นี้จะมีประมาณ 100 แห่ง

นอกจากนั้นยังขยายเข้าสู่ช่องทางซูเปอร์มาร์เกตอีก ด้วยการนำเอาสินค้าแช่แข็งเข้าไปวางจำหน่ายในตู้แช่แข็ง เช่น วิลลามาร์เก็ต เป็นต้น ซึ่งปีหน้าก็จะมีการขยายพันธมิตร้านค้าปลีกใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายราย

รวมทั้งการมุ่งหน้าสู่ช่องทางออนไลน์ เนื่องจากในช่วงโควิด-19 ระบาดที่ผ่านมา เราทดลองทำทางด้านออนไลน์พบว่าตลาดมีความต้องการดีและมียอดขายเติบโตมากถึง 3 เท่าตัว จากเดิมที่ยังขายได้ไม่มากนัก ผ่านไลน์แอด โดยใช้แกร็บจัดส่ง ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายก็จะมีทั้งขนมเปี๊ยะ และอาหารแช่แข็ง ที่เราเริ่มขยายไลน์สินค้าส่วนนี้มากขึ้น เช่น คอหมูย่างแช่แข็ง หมูแดงแช่แข็ง คุโรบูตะแช่แข็ง เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม นางสาวกนกกัญจน์กล่าวด้วยว่า ในปีหน้าคงต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 10-20 ล้านบาท ที่โรงงานสุขสวัสดิ์ 84 ที่เพิ่งเปิดดำเนินการไม่นานซึ่งยังมีพื้นที่เหลืออีก ทั้งการขยายไลน์ผลิตและเพิ่มสินค้าใหม่ๆ รวมทั้งการปรับปรุงเรื่องมาตรฐานอนามัยให้ดียิ่งขึ้นไปอีกจากเดิมที่มีมาตรฐานอยู่แล้ว เพราะเมื่อไม่นานมานี้หรือ 2 ปีที่แล้วตอนที่เรานำสินค้าเข้าไปวางเอ็กซ์คลูซีฟที่เซเว่นอีเลฟเว่น เราก็ต้องลงทุนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทในการสร้างโรงงานใหม่ที่สุขสวัสดิ์ 84 มีกำลังผลิตได้ประมาณ 200,000 ชิ้นต่อวัน เพื่อให้มีมาตรฐานตามเกณฑ์ที่เซเว่นอีเลฟเว่นต้องการ


ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี2563 นี้จะมียอดขายรวมเกือบ 200 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 150 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตด้านยอดขายอย่างมากนี้แม้ว่าจะเกิดโควิด มีเหตุผลหลักมาจากการปรับตัว คือ 1. การมีสินค้าใหม่ที่เข้าไปขายเฉพาะเฉพาะในเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น คือ ขนมเปี๊ยะมีจำนวน 4 เอสเคยูเฉพาะ ที่แตกต่างจากช่องทางอื่นจะมีจำหน่ายรวม 20 ไส้ ล่าสุดคือ ขนมเค้กที่ขายในเซเว่นด้วย 2. ยอดขายที่มาจากช่องทางออนไลน์ที่เติบโตอย่างมาก ทำให้ขณะนี้สัดส่วนรายได้ที่มาจากทางออนไลน์มากถึง 20% 3. การขยายช่องทางใหม่เข้าสู่ร้านกาแฟในปีนี้ 

ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งมาจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมากถึง 50%, มาจากช่องทางดั้งเดิมที่เป็นตู้ 30% (ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่หน้าซูเปอร์มาร์เกตในเครือเซ็นทรัล มีทั้งที่เป็นตู้ของบริษัทและตู้ที่เป็นแฟรนไชส์ประมาณ 50 ตู้) และมาจากช่องทางออนไลน์ 20% 

อย่างไรก็ตาม นางกนกกัญจน์กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะขยายแบรนด์เอพริลอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ยังมีการขยายธุรกิจเพิ่มอีกด้วย เช่น การลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทในการปรับปรุงอาคารบ้านทรงไทยเดิมที่ถนนจันทน์ไม่านานนี้เพื่อทำเป็นร้านอาหารไทยชื่อว่าครัววนิดา พื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา รวมทั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน เพิ่งเปิดบริการร้าน Brade Dough เป็นร้านขนมป้งเบเกอรี่เป็นหลัก ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับครัววนิดาที่ถนนจันทน์ วางเป้าหมายที่จะขยายร้านนี้ในรูปแบบแฟรนไชส์ด้วย แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ






กำลังโหลดความคิดเห็น