BGRIM เตรียมเอ็มโอยูพันธมิตรไทย AMATA-PTT-GPSC ต้นปี 64 เพื่อรุกพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคในพม่า พร้อมลุยโรงไฟฟ้าในเวียดนามอีก 3 โครงการ ทยอยชัดเจนปีหน้า
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการ กลุ่ม บี.กริม เปิดเผยว่า บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) สนใจเข้าไปทำโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมในพม่า คาดเซ็นจะลงนามบันทึกช่วยจำ (เอ็มโอยู) ร่วมกับ 3 พันธมิตร ประกอบด้วย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพม่าช่วงต้นปี 2564
“บี.กริม อยู่ระหว่างเจรจากับ AMATA ซึ่งเป็นพันธมิตรทำนิคมฯ เพราะ AMATA จะมีที่ดิน เราก็จะทำโรงไฟฟ้าในนิคมฯ ขณะที่กลุ่ม ปตท.มีศักยภาพด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจารายละเอียดว่าแต่ละรายใครทำอะไรบ้าง” นายลิงค์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่ม ปตท.ได้มีการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพม่าอยู่แล้ว และมีแผนที่จะรุกธุรกิจ Gas to Power เพื่อปรับธุรกิจก๊าซฯ ไปเป็นไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันประเทศพม่ามีความต้องการใช้ไฟฟ้าอีกมาก ขณะที่ AMATA เองก็มีแผนที่จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพม่า นับเป็นความร่วมมือของ 4 บริษัทขนาดใหญ่ของไทย
นอกจากนี้ ทาง BGRIM ยังสนใจลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในเวียดนามเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลงทุนโครงการไฟฟ้าพลังงานลม และโซลาร์ฟาร์มที่จ่ายไฟแล้วในเวียดนาม 677 เมกะวัตต์ (MW) และมีอีกหลายโครงการที่ปีหน้าจะมีความชัดเจนอยู่ 3 โครงการ
โครงการแรกเซ็น MOU แล้ว โดย BGRIM ร่วมกับปิโตรเวียดนาม เพาเวอร์ลงนามความร่วมมือเพื่อศึกษาและพัฒนาสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 3,000 MW โดยใช้ LNG เป็นเชื้อเพลิง รวมถึงการนำเข้าและจำหน่าย LNG สำหรับโรงไฟฟ้าในเวียดนาม
โครงการที่ 2 กำลังศึกษาอยู่ กำลังผลิต 3,000 เมกะวัตต์ และโครงการที่ 3 กำลังผลิต 2,000 เมกะวัตต์อยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับพันธมิตรสหรัฐฯ
นายลิงค์กล่าวต่อไปว่า โครงการ Energy Storage ก็จะทำต่อเนื่องทั้งโรงงานเก่าและโรงงานใหม่ ซึ่งปัจจุบันทำโครงการระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ (Energy Storage : ESS) ขนาด 50 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) ที่อู่ตะเภาอยู่แล้ว
ทั้งนี้ บี.กริมตั้งเป้ายอดขายธุรกิจทั้งหมดจะเติบโตขึ้นสู่ 1.5 แสนล้านบาทในปี 2571ซึ่งเป็นปีที่จะครบ 150 ปีของ บี.กริม จากปีนี้ที่คาดจะทำยอดขายได้ 6 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจไฟฟ้าภายใต้ BGRIM สร้างรายได้มากสุดให้กลุ่มคิดเป็นสัดส่วน 70% หรือราว 4.5 หมื่นล้านบาทในปี 2563
