ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ วางงบลงทุนปี 64 อยู่ที่ 400-500 ล้านบาท เพื่อขยายจุดกระจายสินค้า และสำรองไว้ซื้อธุรกิจผลิตและซ่อมถังก๊าซฯ ที่จะมีความชัดเจนในเดือนนี้และชำระเงินซื้อกิจการในต้นปีหน้า พร้อมเปิดตัว “วันเดอร์ฟู้ด” รุกธุรกิจอาหาร วางเป้ากำไรปีหน้ากว่า 10% ของกำไรรวม และอีก 5 ปีทำกำไรเพิ่มเป็น 40%
นายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือWP ผู้จัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภายใต้แบรนด์เวิลด์แก๊ส เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งงบลงทุน 400-500 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในการขยายจุดกระจายสินค้าและลงทุนทำถังก๊าซฯ และซ่อมบำรุง รวมทั้งสำรองไว้ลงทุนเพิ่มเติมในการเข้าซื้อธุรกิจผลิตและซ่อมถังก๊าซฯ ที่คาดว่าจะชัดเจนในเดือนธันวาคมนี้ และอีก 50 ล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจอาหาร
โดยปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าขาย LPG อยู่ที่ 8 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้เพียง 7 แสนกว่าตัน พลาดเป้าจากที่ตั้งจากไว้ 8 แสนตัน
นายนพวงศ์กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ลงทุนสู่ธุรกิจอาหารซึ่งถือเป็นการต่อยอดจากธุรกิจก๊าซแอลพีจีซึ่งเป็นธุรกิจหลักบริษัท โดยได้จับมือ “วันเดอร์ฟู้ด อินเตอร์เนชันแนล” ซึ่งก่อตั้งโดยเชฟแอนดี้ ยังเอกสกุล เชฟมิชลินสตาร์ ลุยธุรกิจอาหารเต็มตัวภายใต้แบรนด์ “วันเดอร์ฟู้ด” ขยายโอกาสทางธุรกิจและสร้างรายได้ช่องทางใหม่ โดยนำเมนูอาหารสตรีทฟูดไทยแบบใส่ใจสุขภาพ เริ่มต้นจากธุรกิจร้านอาหารใจกลางเมือง 4 แบรนด์ ได้แก่ ผัดไทยไฟทะลุ, ข้าวซอย Hungry Rabbit, ร้านอาหาร Hyper Fine Dining ระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวในชื่อ Table 38 และ Pi Kun (ปีกุน) แบรนด์ร้านอาหารอีสานฟิวชันแนวทาปาส
ในอนาคตต่อยอดสู่การเปิดแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศรวมถึงการผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงรส และอาหารกึ่งสำเร็จรูป และธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาหารในอนาคต บริษัทฯ ตั้งเป้ากำไรจากธุรกิจในปีหน้ากว่า 10% ของกำไรรวมของบริษัท และในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนกำไรขึ้นเป็น 40% ของกำไรรวม
“ในปี 2563 บริษัทฯ ได้ลงทุนเบื้องต้น 40 ล้านบาท เพื่อสร้าง 4 แบรนด์ร้านอาหารในเครือวันเดอร์ฟู้ด ได้แก่ แบรนด์ระดับมิชลินสตาร์ อย่าง “Table38” ที่นำเสนอเมนูสตรีทฟูดไทยสไตล์เชฟแอนดี้ เปิดดำเนินการที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่แล้ววันนี้ ควบคู่กับแบรนด์ร้านอาหารอีสานสไตล์ฟิวชันน้องใหม่ล่าสุดอย่าง “Pi Kun (ปีกุน)” นำเสนอเมนูอาหารอีสานทานง่ายในรูปแบบของทาปาสพอดีคำในสไตล์สแปนิช รวมถึงคาราวานอาหารสตรีทฟูด 2 แบรนด์ที่เน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะ ได้แก่ “ผัดไทยไฟทะลุ” และ “Hungry Rabbit” ข้าวซอยเพื่อสุขภาพ โดยจะมีการเปิดร้านแฟล็กชิปใจกลางเมืองแห่งแรกที่สยามสแควร์ในเดือนมกราคมนี้ และเตรียมเปิดตัวเมนูใหม่ “เส้นใหญ่สะท้านฟ้า” ผัดซีอิ๊วด้วย”
นอกจากนี้ วันเดอร์ฟู้ดยังวางแผนรองรับธุรกิจดีลิเวอรี ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยจะมีการเปิดสาขาเพื่อรองรับธุรกิจดีลิเวอรีโดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทฯ ยังได้เตรียมงบประมาณไว้ราว 50 ล้านบาท สำหรับแผนการต่อยอดธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นๆ หลังจากแบรนด์ติดตลาดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการรับจัดเลี้ยง ธุรกิจการผลิตและส่งวัตถุดิบ รวมถึงอาหารสำเร็จรูปให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กร เช่น โรงแรมและสายการบิน รวมถึงการเปิดแฟรนไชส์ของธุรกิจแต่ละแบรนด์ในเครือไปยังต่างจังหวัด และต่างประเทศ
เชฟแอนดี้ ยังเอกสกุล กล่าวว่า วันเดอร์ฟู้ดคือบริษัทด้านอาหารที่เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญระหว่างบริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจและเงินทุน กับบริษัท วันเดอร์ฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการประกอบธุรกิจในด้านอาหารทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ตั้งแต่ไฮเปอร์ ไฟน์ไดนิ่ง ระดับมิชลินสตาร์ จนถึงสตรีทฟูด มาใช้ในการรังสรรค์เมนูที่แปลกใหม่ และวางระบบในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารให้มีประสิทธิภาพ โดย “วันเดอร์ฟู้ด” จะเน้นนำเสนอประสบการณ์ด้านอาหารที่แปลกใหม่ในรูปแบบคาราวานอาหารที่คัดสรรเมนูสตรีทฟูดในเมนูที่คนไทยมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีภายใต้แบรนด์ใหญ่ของวันเดอร์ฟู้ด ด้วยฝีมือของเชฟชาวไทยระดับมิชลินสตาร์ เพื่อคนไทยทุกคนว่าจะเป็นเพศ วัย หรืออาชีพไหน ก็สามารถรับประทานอาหารสะอาด ดีต่อสุขภาพ และรสชาติจัดจ้านได้อย่างเท่าเทียมกันภายใต้ปณิธาน “อาหารมาตรฐานระดับเชฟมิชลินสตาร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนไทยทุกคน”