สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ งวด 9 เดือน รายได้แตะ 40,000 ล้านบาท พร้อมกำไร 1,045 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 373% แย้มแนวโน้ม Q4 ผลงานสวยต่อเนื่อง หลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ โดยความต้องการใช้แก๊สปรับตัวเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และคลายความกังวลจากโรคระบาด COVID-19
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยงวดไตรมาส 3/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่รวม 9 เดือน 1,045.21 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 221.13 ล้านบาท ผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 824.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 373
โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการเป็นจำนวนเงิน 40,313.48 ล้านบาท ลดลง 9,227.27 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 18.6 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 49,540.75 ล้านบาท สาเหตุหลักที่รายได้ลดลงมาจากยอดขายที่ลดลงร้อยละ 14.4 จากปริมาณขาย 9 เดือนปี 2562 ที่ 2.83 ล้านตัน เป็น 2.42 ล้านตันในปี 2563 ประกอบกับราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกเฉลี่ย 9 เดือนของปี 2563 อยู่ที่ 393.06 เหรียญต่อตันเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ที่ระดับ 438.33 เหรียญต่อตัน
"ปริมาณการขาย LPG ในช่วงไตรมาส 3/2563 เติบโตได้ดีกว่าในช่วงไตรมาส 2/2563 เนื่องมาจากผลจากมาตรการที่ทางภาครัฐเริ่มผ่อนคลายลง รวมไปถึงออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้คนเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยว และใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร เริ่มมียอดขายเพิ่มขึ้นและมีความต้องการใช้แก๊ส LPG เพิ่มขึ้น อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มยอดการขาย ด้วยการสั่งแก๊ส LPG ผ่านแอปพลิเคชันทางออนไลน์ โดยสามารถใช้ได้ทั้งมือถือระบบ IOS และ Android ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2563 และ 4/2563 จะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง" นางจินตณา กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการเข้าซื้อหุ้นบริษัท ชื่นศิริ จำกัด (“Linh Gas”) ในสัดส่วนร้อยละ 69.69 ซึ่งเป็นผู้ผลิตถังแก๊ส LPG และมีลูกค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ภายหลังการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถลดต้นทุนการผลิตถังแก๊ส LPG ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะสามารถเข้าถึงตลาดในต่างประเทศได้มากขึ้นจากฐานลูกค้าของ Lihn Gas ที่มีอยู่เดิม ทำให้มั่นใจได้ว่าการลงทุนใน Lihn Gas จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในกับธุรกิจของสยามแก๊สได้อย่างดี
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2563 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของยอดขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจที่มีความต้องการใช้แก๊สที่เพิ่มมากขึ้น และทิศทางของราคาแก๊ส LPG ในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนของไตรมาสที่ 4 ราคาแก๊สปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.5 และ 57.5 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจขายน้ำมันในต่างประเทศที่บริษัทได้เริ่มมียอดขายตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา จะเข้ามาช่วยเสริมให้กลุ่มบริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย โดยไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 มียอดขายน้ำมันอยู่ที่ 197,554 และ 397,059 บาร์เรล ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม “สยามแก๊สฯ ยังมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านพลังงานอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นในธุรกิจโรงไฟฟ้าจำนวน 2 แห่ง ในประเทศพม่า และธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือน้ำลึกและคลังเก็บน้ำมันที่ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี และภายใน 3-4 ปีข้างหน้า มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถสร้างรายได้แตะ 1 แสนล้านบาทได้อย่างแน่นอน” นางจินตณา กล่าว