“พาณิชย์” เคาะจ่ายเงินส่วนต่างงวดแรกในโครงการประกันรายได้ข้าวปีที่ 2 ให้แก่เกษตรกรแล้ว เผยจ่ายครบทั้ง 5 ชนิดข้าวเปลือก เหตุราคาตลาดตกต่ำ แต่เกษตรกรยังโชคดีได้รับเงินส่วนต่างมาเพิ่มรายได้ ระบุข้าวเปลือกหอมมะลิได้ชดเชยสูงสุดในรอบนี้
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณากำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 ในงวดที่ 1 หรืองวดแรกของโครงการประกันรายได้ปีที่ 2 โดยมีมติให้จ่ายส่วนต่างรวม 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว
ทั้งนี้ เกษตรกรที่จะได้รับการชดเชยส่วนต่างในงวดที่ 1 นี้เป็นเกษตรกรที่แจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวจนถึงวันที่ 8 พ.ย. 2563 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรในวันที่ 16 พ.ย. 2563
สำหรับการจ่ายชดเชยส่วนต่างข้าวเปลือกหอมมะลิมีราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 12,088.83 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายตันละ 2,911.17 บาท, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11,862.55 บาท มีส่วนต่างตันละ 2,137.45 บาท, ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 8,777.64 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,222.36 บาท, ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 9,933.04 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,066.96 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 9,915.66 บาท มีส่วนต่างตันละ 2,084.34 บาท
โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นหนึ่งในพืชเกษตร 5 ชนิด ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ผลักดันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และปัจจุบันเกิดภาวะข้าวราคาตกต่ำ แต่เกษตรกรยังมีหลักประกันรายได้ จึงได้รับส่วนต่าง โดยราคาเป้าหมายและปริมาณข้าวแต่ละชนิดที่ประกันรายได้ไว้ คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
รายงานข่าวแจ้งว่า เงินชดเชยส่วนต่างที่เกษตรกรจะได้รับในงวดที่ 1 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิได้รับ 40,756.38 บาท ซึ่งถือเป็นเงินชดเชยสูงสุดในงวดนี้, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ได้รับ 34,199.2 บาท, ข้าวเปลือกเจ้าได้รับ 36,670.8 บาท, ข้าวเปลือกหอมปทุมธานีได้รับ 26,674 บาท และข้าวเปลือกเหนียวได้รับ 33,349.44 บาท
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งผลักดันใช้มาตรการเสริมเพื่อผลักดันราคาข้าวเปลือกให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยจะชะลอผลผลิตข้าวเข้าสู่ตลาดด้วยการจูงใจให้เกษตรกร สหกรณ์ สถาบันเกษตรกร รวมทั้งผู้ประกอบการค้าข้าวทั่วไปเก็บสต๊อกเพื่อเป็นการสร้างเสถียรภาพราคาตลาด โดยมีเป้าหมาย 7 ล้านตันข้าวเปลือก ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ให้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สหกรณ์เสียดอกเบี้ยร้อยละ 1 เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการร้อยละ 3 เป้าหมาย 4 ล้านตัน