“สตีล ซิตี้” ทุ่มงบ 500 ล้านบาท ใน 3 ปีนี้เพื่อโรงงานเตาหลอม ตั้งโรงงานชุบสังกะสี และเพิ่มพื้นที่โรงงาน รองรับตลาดอุปกรณ์ท่อร้อยสายไฟเหล็ก พร้อมแตกไลน์ผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องครัวเหล็ก คาดเปิดตัวในปลายปีนี้ หรือต้นปี 64 ผ่านช่องทางออนไลน์
นายเลิศพงษ์ ศรีวงศ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี.อาร์.อินดัสเตรียล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตงานหล่อหลอม เหล็กหล่อ อะลูมิเนียม ซิงค์ ทองแดง ทองเหลือง และจัดจำหน่าย อุปกรณ์ท่อร้อยสายไฟ สำหรับท่อร้อยสายไฟเหล็กภายใต้แบรนด์ Steel City (สตีล ซิตี้) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนใน 3 ปีนี้ (2563-65) ประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโครงการขยายเตาหลอมและไลน์ผลิตออโต้, เพิ่มพื้นที่และปรับโครงสร้างโรงงาน และตั้งโรงงานชุบสังกะสี จากเดิมจ้างผลิต
โดยแหล่งเงินในการลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และมีการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยไม่มีแผนเข้าระดมทุนใตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่อย่างใด
ในปี 2563 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เป้าหมายรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากจากเดิมตั้งเป้าอยู่ที่ 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปี 2562 ที่มีรายได้ 270 ล้านบาท แต่เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ภาคการก่อสร้างภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวไป และมีคู่แข่งเข้ามาเจาะตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ปี 2563 มีรายได้ต่ำกว่าปีก่อนราว 20% มาอยู่ที่ 200 กว่าล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จะโตขึ้นมาแตะ 450 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้อุปกรณ์ติดตั้งท่อร้อยสายไฟที่ทำจากเหล็กเพื่อใช้ในโครงการระบบคมนาคม และสาธารณูปโภคขยายตัวดีขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีการขยายการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว โดยเน้นคุณภาพสินค้าและบริการ รวมทั้งมีการรุกตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องครัวเหล็กที่จะมีการเปิดตัวในเดือน ธ.ค.นี้ หรือต้นปี 2564
การตัดสินใจเข้ามารุกตลาดสินค้าเครื่องครัว อาทิ กระทะและหม้อเหล็ก โดยพบว่าตลาดสินค้าเครื่องครัวเติบโตมากหลังจากมีการล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ จะชูจุดเด่นเรื่องความสุขภาพ คลายความกังวลเรื่องสารก่อมะเร็ง เพราะไม่มีปัญหาการหลุดลอกสารเคลือบ และกรรมวิธีการผลิตได้ผลิตภัณฑ์เหล็กที่บาง ควบคุมความร้อนได้ดี และราคาประหยัดเนื่องจากมีการออกแบบแม่พิมพ์และโรงหล่ออยู่แล้วทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ
ทั้งนี้ ยอมรับว่าตลาดเครื่องใช้ครัวเรือนมีการแข่งขันสูง เริ่มต้นวางแผนทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ อาทิ Lazada ฯลฯ รวมทั้งรับจ้างผลิต (ORM) โดยวางเป้าหมายสร้างรายได้ปีแรกราว 15 ล้านบาท
สำหรับสินค้าของสตีล ซิตี้ ยังมีความต้องการสูง เนื่องจากไทยมีการลงทุนในโครงการระบบคมนาคม และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับกลุ่มสินค้าอุปกรณ์ติดตั้งท่อร้อยสายไฟที่ทำจากเหล็กนั้นสตีล ซิตี้ จัดเป็นแบรนด์ที่โครงการใหญ่ระดับชาติให้การยอมรับด้วยคุณภาพและชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน นอกจากนี้มีกลุ่มลูกค้าในแทบทุกภาคส่วนที่ใช้ไฟฟ้า เช่น กลุ่มภาคโรงงานอุตสาหกรรม โครงการศูนย์การค้า และโครงการที่อยู่อาศัยระดับชั้นนำอีกหลายๆ แห่งล้วนให้ความเชื่อมั่น อาทิ โครงการโรงผลิตไฟฟ้าทั่วประเทศของ GULF ที่ควบคุมโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และโครงการใหญ่ที่มีการขยายงาน เช่น ปตท, IRPC หรือไทยออยล์ เป็นต้น
“ในสถานการณ์โควิด-19 ผมวิเคราะห์สิ่งหนึ่งที่เป็นโอกาสของสตีล ซิตี้ คือ การใช้ชีวิตแบบ New normal ทำให้คนอยู่บ้านกันมากขึ้น เสพสื่อทางอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา กอปรกับความต้องการพลังงานไฟฟ้าในประเทศเรานั้นมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงใช้โอกาสนี้เน้นสร้างการประชาสัมพันธ์และโฆษณาแบรนด์ ให้ความรู้และสร้างความน่าเชื่อถือ ผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยจัดทำ content ต่างๆ ใน Steel City Thailand บนเฟซบุ๊ก และรายการ STEELMAN ของ Steel City Thailand ผ่านช่องยูทูป ให้ความรู้และความเข้าใจกับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ให้มากขึ้น รวมทั้งกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้ง่ายขึ้นเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตัวแทนจำหน่าย และขยายฐานตัวแทนจำหน่ายให้มีมากขึ้น”