“จุรินทร์” เผยจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจซื้อขายยางพาราออนไลน์วันที่ 23-30 ก.ย. 63 ยอดทะลุเป้า 23,000 ตัน มูลค่า 1,450 ล้านบาท สั่งจัดเพิ่ม 2 วัน หลังผู้ซื้อ ผู้นำเข้ายังต้องการ ระบุราคายางเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการของตลาดโลกเพิ่ม ทั้งยางรถยนต์ ถุงมือยาง และได้ผลจากมาตรการรัฐ ส่งเสริมนำยางไปผลิตสินค้า เสาหลักกิโลฯ และมีการเร่งส่งมอบยางตามสัญญาซื้อขายที่ทำไว้ก่อนโควิด-19
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมชมจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์สินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง ว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และภาคเอกชนจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ เพื่อเร่งรัดการส่งออกยางของไทย ตั้งแต่วันที่ 23-30 ก.ย. 2563 โดยสามารถจับคู่ได้แล้ว 69 คู่ ระหว่างผู้ประกอบการไทย 42 ราย และผู้ซื้อจาก 20 ประเทศ คือ จีน เกาหลี ไต้หวัน อินเดีย เยอรมนี เช็ก ฝรั่งเศส ฮังการี รัสเซีย สหราชอาณาจักร มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม พม่า อินโดนีเซีย ตุรกี อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯ และอาร์เจนตินา โดยมียอดขายทะลุ 23,000 ตัน มูลค่าประมาณ 1,450 ล้านบาท และได้ขยายการจัดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ออกไปอีก 2 วัน คือ วันที่ 1-2 ต.ค. 2563 คาดว่าจะทำยอดขายได้เพิ่มอีกเพราะยังมีความต้องการซื้อจากผู้ซื้อต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันความต้องการยางพาราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้มีการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น มีการใช้ยางรถยนต์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีความต้องการถุงมือยางเพิ่มขึ้น มีการใช้น้ำยางไปผลิตเพิ่มขึ้น และยังมีการเร่งซื้อยางจากมาตรการเชิงรุกของรัฐบาล ทั้งการส่งเสริมให้หน่วยงานราชการนำยางไปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ และการนำไปทำเสาหลักกิโลเมตรและแผ่นครอบกันชน รวมถึงมีการเร่งรัดการส่งมอบตามสัญญาให้ผู้ซื้อต่างประเทศ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อที่ได้มาในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด จากการที่ได้นำคณะภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเจรจาขายในหลายประเทศ ปริมาณรวม 500,000 ตัน มูลค่ากว่า 48,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีการเร่งซื้อยางเพื่อส่งมอบ
ผลจากความต้องการยางพาราที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดยางแผ่นรมควัน กิโลกรัม (กก.) ละ 58-59 บาท ยางแผ่นดิบ กก.ละ 56 บาท น้ำยางข้น กก.ละ 50 บาท ยางก้อนถ้วย กก.ละ 19-20 บาท ส่วนราคาส่งออก (เอฟโอบี) ยางแผ่นรมควัน กก.ละ 63.15 บาท ยางแผ่นดิบ กก.ละ 56.31 บาท น้ำยางข้น กก.ละ 51.50 บาท ยางก้อนถ้วย กก.ละ 20 บาท
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ทางธุรกิจสินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ครั้งต่อไปจะมีประมาณต้นปี 2564 และจะจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจภายในงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับชิ้นส่วนยานยนต์ (TAPA) และงานแสดงสินค้าเครื่องทำความเย็น (RHVAC) ด้วย รวมทั้งมีแผนจะนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าท็อป ไทย แบรนด์ ที่จะจัดที่ประเทศเพื่อนบ้าน จัดคณะผู้แทนการค้าเจรจาการค้าที่จีน แอฟริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง และเดือน ธ.ค. 2563 จะจัดงานรับเบอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าสำหรับยางพาราและผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะด้วย