“วีรศักดิ์” พบปะเกษตรกรโคเนื้อ เกษตรอินทรีย์ มั่นใจโคเนื้อไทยเป็นแหล่งอาหารป้อนตลาดโลกได้ แนะสร้างแปลงหญ้า พืชอาหาร ใช้เป็นอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุน ส่วนเกษตรกรอินทรีย์มาถูกทางแล้ว เหตุตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพต้องการ “อรมน” เผยโควิด-19 ดันส่งออกไปประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอบางประเทศเพิ่มตั้งแต่ 1,500-6,900% หลังนำเข้าจากออสเตรเลียไม่ได้
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 26-27 ก.ย. 2563 ได้นำคณะลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามงานตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ที่เน้นพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ให้เข้มแข็ง สามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าเข้าสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้ใช้โอกาสนี้หารือกับเกษตรกรโคเนื้อ และเยี่ยมชมศักยภาพของฟาร์มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มโคเนื้อคูเมือง อำเภอวารินชำราบ ได้สร้างความมั่นใจว่าอุตสาหกรรมโคเนื้อเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโลก ซึ่งอุบลราชธานีเป็นแหล่งเลี้ยงโคเนื้อมากกว่า 300,000 ตัว และส่งออกไปตลาดสำคัญอย่างเวียดนามและกัมพูชา และยังได้แนะนำให้เน้นการผลิตอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ สร้างแปลงหญ้าหรือพืชอาหารชนิดอื่นเป็นของตนเอง เพื่อลดต้นทุนและสามารถควบคุมคุณภาพได้
ทั้งยังได้เยี่ยมชมศักยภาพของวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์โนนกลาง อำเภอสำโรง ซึ่งเป็นต้นแบบของการรวมกลุ่มเพาะปลูกเกษตรอินทรีย์ มีผลผลิตหลากหลายชนิด เช่น ว่านหางจระเข้ ผักบุ้ง กวางตุ้งฮ่องเต้ สลัดใบแดง และคะน้า เป็นต้น โดยปัจจุบันสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นที่ต้องการของตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อว่าความเข้มแข็งของสินค้าเกษตรจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ให้ดีขึ้นได้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ได้ลดภาษีนำเข้าโคเนื้อให้ไทยเหลือ 0% เกือบทั้งหมด ยกเว้นอินเดีย คงเก็บภาษีนำเข้า 30% และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้การส่งออกโคมีชีวิตของไทยในปีนี้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากบางประเทศไม่สามารถนำเข้าโคเนื้อจากออสเตรเลียได้ จึงหันมานำเข้าจากไทยเพราะเชื่อมั่นว่าสินค้ามีคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัย
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. 2563 ไทยส่งออกโคมีชีวิต 222 ตัน มูลค่า 127.96 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.55% คู่ค้าสำคัญของไทย ได้แก่ สปป.ลาว 93.71 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.93% เวียดนาม 15.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1,541.63% มาเลเซีย 6.77 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.93% กัมพูชา 6.32 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4,655.04% และพม่า 5.30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6,916.38%