“วีรศักดิ์” นำทีมกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และสภาเกษตรกรแห่งชาติลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี พบปะเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการโคเนื้อและเกษตรอินทรีย์ เตรียมช่วยช่องทางการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอในการขยายตลาดต่างประเทศ
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะนำผู้บริหารจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และสภาเกษตรกรแห่งชาติ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 26-27 ก.ย. 2563 เพื่อไปหารือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการสินค้าโคเนื้อและเกษตรอินทรีย์ที่มีการผลิตกระจายในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัด และเป็นสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ สามารถผลักดันเข้าสู่ตลาดการค้าเสรีได้ โดยจะใช้โอกาสนี้ร่วมกันหาช่องทางส่งออกสินค้าของท้องถิ่นไปต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ฉบับต่างๆ อย่างเต็มที่ เพราะเอฟทีเอถือเป็นข้อได้เปรียบ ช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจ เพิ่มแต้มต่อทางการค้าให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ทั้งนี้ ยังมีกำหนดเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มโคเนื้อคูเมือง รวมถึงวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์โนนกลาง เพื่อดูแนวทางการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการด้วย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีในครั้งนี้เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการ “เพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” ที่กรมฯ ได้ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติจัดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการสินค้าโคเนื้อและเกษตรอินทรีย์เข้าสู่ตลาดการค้าเสรี โดยจะแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์กับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจากการใช้นวัตกรรมพัฒนาสินค้าและเพิ่มมูลค่าในหัวข้อ “บทบาทของอุทยานวิทยาศาสตร์ในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดการค้าเสรี” หลังจากนั้นจะหารือกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงโคเนื้อคูเมือง อำเภอวารินชำราบ ในประเด็น “การพัฒนาศักยภาพสินค้าโคเนื้อ เพื่อส่งออกในตลาดการค้าเสรี” พร้อมกับเยี่ยมชมฟาร์มโคเนื้อของวิสาหกิจชุมชน
ขณะเดียวกัน จะหารือกับวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์โนนกลาง อำเภอสำโรง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็น “ทิศทางการค้าของสินค้าเกษตรอินทรีย์ในตลาดการค้าเสรี” เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเข้าใจเรื่องช่องทางการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี 13 ฉบับ ในการส่งออกไปตลาดคู่ค้า 18 ประเทศ เช่น อาเซียน จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นต้น โดยประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรให้ไทยแล้ว จึงถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการส่งสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2562 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่า 40,560.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 7 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ก.ค.) ส่งออกไปแล้ว 23,041 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.4% โดยสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มมากขึ้น เช่น ผลไม้ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 17.3% ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง 536 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 26.3% ปศุสัตว์ 506 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 112.7% เป็นต้น และหากนับเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรไป 18 ประเทศคู่เอฟทีเอของไทย พบว่าการส่งออกในช่วง 7 เดือนของปี 2563 ขยายตัว 0.6% แม้จะเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพสินค้าเกษตรของไทย