กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยผลศึกษาทำ FTA ไทย-อียู ดันเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 1.28% คิดเป็นมูลค่า 2.05 แสนล้านบาท เผยสินค้าหลายกลุ่มมีโอกาสส่งออกเพิ่ม แต่คุณภาพต้องเข้มตาม แถมแข่งขันกับสิงคโปร์และเวียดนามได้ดีขึ้น ภาคประชาสังคม เป็นห่วงประเด็นยา พันธุ์พืชใหม่
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยในการเข้าร่วมการจัดสัมมนาระดมความเห็น เรื่อง “ไทยพร้อมหรือยังที่จะฟื้นการเจรจา FTA ไทย-EU?” ว่า สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) ได้นำเสนอผลการศึกษาวิจัยประโยชน์และผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับไทย จากการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (อียู) 27 ประเทศ ไม่นับรวมสหราชอาณาจักร โดยพบว่าการลดภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการทั้งของไทยและอียูในระยะยาวจะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวได้ถึง 1.28% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.05 แสนล้านบาท โดยคาดว่าการส่งออกจากไทยไปอียูจะเพิ่มขึ้น 2.83% หรือ 2.16 แสนล้านบาท และการนำเข้าจากอียูเพิ่มขึ้น 2.81% หรือ 2.09 แสนล้านบาท โดยสินค้าส่งออกของไทยมีโอกาสขยายตัว เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์อาหาร เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก เป็นต้น
โดยผู้เข้าร่วมการสัมมนาเห็นว่า การฟื้นการเจรจา FTA กับอียูจะช่วยขยายตลาดการค้าและการลงทุนของไทย สร้างแต้มต่อทางภาษี และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทยกับสินค้าส่งออกจากประเทศที่มี FTA กับอียู เช่น สิงคโปร์ และเวียดนาม แต่ไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น และพัฒนามาตรฐานและคุณภาพการผลิตสินค้าไทยให้ทัดเทียมกับมาตรฐานของสินค้าในตลาดอียู
ส่วนภาคประชาสังคม ยังคงห่วงใยในเรื่องการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงยาและการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ไทยต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบเพื่อแก้ไขข้อห่วงกังวลและต้องเตรียมการเจรจาอย่างรัดกุม ซึ่งกรมฯ จะนำผลการศึกษาและความเห็นที่ได้จากการสัมมนาครั้งนี้ เสนอระดับนโยบายเพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ที่ได้รับผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ในปี 2562 การค้าไทย-อียู มีมูลค่า 38,227.93 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 7.92% ของการค้าไทยกับโลก เป็นการส่งออกของไทยไปอียู มูลค่า 19,735.86 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง และไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 18,492.07 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ส่วนในช่วงครึ่งปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 16,233.49 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออก 8,506.39 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 7,727.10 ล้านเหรียญสหรัฐ