บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)ผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้าไทย เผยถึง ภาพรวมบรรยากาศการช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้าจากแคมเปญ 9 เดือน 9 ชี้ประชาชนเริ่มกลับกลับมาใช้จ่ายและบริโภคอุปโภคคึกคักเพิ่มมากขึ้นปัจจัยเนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจในมาตรการความปลอดภัยจากภาครัฐและภาคเอกชน จนทำให้ปัจจุบันศูนย์การค้าในเครือมีทราฟฟิกกลับขึ้นมาเกือบเท่าปกติแล้ว โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นและร้านอาหาร ที่เริ่มกลับมาให้บริการและมียอดขายกลับมาเป็นปกติ สำหรับทัวริสต์มอลล์ ได้เร่งปรับตัวเพื่อรับกำลังซื้อลูกค้าในประเทศเป็นหลัก ผ่านการจัดตลาดสินค้าท้องถิ่นและสินค้าลดราคา ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี ทั้งนี้มาตรการที่เร่งออกมาในช่วงนี้ ทั้งมาตรการด้านความปลอดภัยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีส่วนทำให้ผู้คนมีความมั่นใจออกมาใช้ชีวิตและกล้าออกมาใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น การจัดแคมเปญต่างๆในช่วงนี้ ยังเป็นการช่วยกันให้กำลังใจทุกภาคส่วนในสังคม ให้เดินหน้าไปด้วยกัน ผลักดันเศรษฐกิจในประเทศให้ขับเคลื่อนต่อไปได้
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด มหาชน กล่าวว่า “ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต, และเซ็นทรัลวิลเลจ รวม 33 สาขา มีทราฟฟิคกลับมา 80-90% และบางศูนย์ฯ ก็ได้ถึง 100%(ยกเว้นที่เป็น Tourist Mall ในจังหวัดต่างๆ) แล้ว โดย ‘บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)’ยังถือเป็นเบอร์ 1 ที่ฝ่าฟันและปรับตัวจากสถานการณ์วิกฤติในครึ่งปีแรกมาได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะต้องปิดศูนย์การค้าชั่วคราวในช่วงล็อกดาวน์
โดยบริษัทฯ ได้จัดแคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายและช่วยให้ธุรกิจของคู่ค้าฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับอย่างดี ทราฟฟิกเพิ่มขึ้นกับแคมเปญ“9.9 DOUBLE MEGA SALE” #ลดไม่เลือกหน้าลดสูงสุด 90% ทั้งหน้าร้านและหน้าเว็บ ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกสาขา พร้อมห้างและร้านค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล กลุ่มเซ็นทรัลได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และ โรบินสัน พาวเวอร์บาย ซูเปอร์สปอร์ต บีทูเอส ไทวัสดุ และร้านค้าในเครือเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นการสร้างแคมเปญแบบ O2O เชื่อมโยงศูนย์การค้าและการช้อปปิ้งออนไลน์เข้าด้วยกันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด จัดแคมเปญระหว่างวันที่ 1 -13 กันยายน 2563 ซึ่งเกือบตลอด 2 สัปดาห์นี้ จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมคุ้มค่าที่สุดในการซื้อสินค้าและบริการผ่านเซ็นทรัลและลูกค้าจะได้ดีลที่ดีที่สุดกลับไปทันที โดยแคมเปญนี้ ช่วยสร้างสีสันและกระตุ้นการจับจ่ายเพิ่มยอด spending ลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้มีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% จากช่วงเวลาปกติและได้รับผลตอบรับที่ดี นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นที่สาขาต่างๆ ทำให้ทราฟฟิกได้พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดสูงขึ้นเท่าตัวอาทิ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ต ฉลองครบรอบ 1 ปี ด้วยดีลพิเศษลดสูงสุด 90% และWeekly Surprise Sale ลด on-top เพิ่มอีกสูงสุด 40% ถึงวันที่ 30 ก.ย. 63ส่วนเซ็นทรัลเวิลด์ ซูเปอร์ เซลและ Clearance Sale ของห้างสรรพสินค้าอิเซตันที่ผ่านมา ทำให้ยอดทราฟฟิกพุ่งสูงขึ้นเท่าตัวทั้งนี้ เซ็นทรัลเวิลด์ยังได้ทยอยดึงร้านขนม ร้านอาหารเดิม และร้านต่างๆจากอิเซตัน ย้ายมาอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์อย่างต่อเนื่อง อาทิ ร้านพายแอปเปิ้ลชื่อดัง ANRI,ร้านหมูทอดTONKATSU WAKO, ร้านเบเกอรี่พรีเมี่ยมสไตล์ฝรั่งเศส จากญี่ปุ่นSUNMOULIN ROYAL เป็นต้น ซึ่งจะเป็น magnet ให้ทราฟฟิกกลับมาอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับสาขาที่กลุ่มลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือ ทัวริสต์มอลล์ ทางศูนย์ฯได้มีการปรับรูปแบบกิจกรรมการตลาด เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าในประเทศเพิ่มมากขึ้น มีการนำเอาผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้ามาจำหน่าย อาทิ ตลาดจริงใจมาร์เก็ต ที่เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ เป็นต้น รวมถึงเตรียมทำตลาดที่เน้นกลุ่ม Chinese Long Stay และ Expat ที่อยู่ในไทยกว่า 3 แสนคน ขณะเดียวกันก็ยังคงสร้าง Social Voice ต่อเนื่องตั้งแต่ Pre-Arrivalหรือก่อนการเดินทางมา เพื่อเตรียมรับโอกาสที่จะมีกำลังซื้ออย่างมหาศาลที่จะ Rebound กลับมา ทำให้คนจีนและชาวต่างประเทศ ไม่ลืมศูนย์การค้าเซ็นทรัล และอยากกลับมาเที่ยวเมืองไทยเป็นที่แรกหากสถานการณ์กลับมาดีขึ้น โดยกรุงเทพฯยังคงเป็นเมืองปลายทางอันดับ 1 ในประเทศไทย ทั้งนี้ เมืองท่องเที่ยวหลักอื่นๆ อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา สมุย ยังคงจะได้รับความนิยมต่อเนื่อง รวมถึงโอกาสของเมืองท่องเที่ยวเมืองรองอื่นๆ เช่น เชียงราย
ทั้งนี้เซ็นทรัลพัฒนา ยังคงเข้มงวดมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยเชิงรุก ตามแผนแม่บท ‘เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ’ 5 แกนหลัก กว่า 75 มาตรการ และล่าสุดยังได้รับมอบตราSHAสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Amazing Thailand Safety & Health Administration)ทำให้ลูกค้าให้การตอบรับ และมั่นใจกลับมาใช้บริการที่ศูนย์ฯ อย่างต่อเนื่องรวมถึงยังคงมีมาตรการในการช่วยเหลือคู่ค้าผู้เช่าเป็นอย่างดี
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด มหาชน กล่าวว่า “ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต, และเซ็นทรัลวิลเลจ รวม 33 สาขา มีทราฟฟิคกลับมา 80-90% และบางศูนย์ฯ ก็ได้ถึง 100%(ยกเว้นที่เป็น Tourist Mall ในจังหวัดต่างๆ) แล้ว โดย ‘บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)’ยังถือเป็นเบอร์ 1 ที่ฝ่าฟันและปรับตัวจากสถานการณ์วิกฤติในครึ่งปีแรกมาได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะต้องปิดศูนย์การค้าชั่วคราวในช่วงล็อกดาวน์
โดยบริษัทฯ ได้จัดแคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายและช่วยให้ธุรกิจของคู่ค้าฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับอย่างดี ทราฟฟิกเพิ่มขึ้นกับแคมเปญ“9.9 DOUBLE MEGA SALE” #ลดไม่เลือกหน้าลดสูงสุด 90% ทั้งหน้าร้านและหน้าเว็บ ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกสาขา พร้อมห้างและร้านค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล กลุ่มเซ็นทรัลได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และ โรบินสัน พาวเวอร์บาย ซูเปอร์สปอร์ต บีทูเอส ไทวัสดุ และร้านค้าในเครือเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นการสร้างแคมเปญแบบ O2O เชื่อมโยงศูนย์การค้าและการช้อปปิ้งออนไลน์เข้าด้วยกันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด จัดแคมเปญระหว่างวันที่ 1 -13 กันยายน 2563 ซึ่งเกือบตลอด 2 สัปดาห์นี้ จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมคุ้มค่าที่สุดในการซื้อสินค้าและบริการผ่านเซ็นทรัลและลูกค้าจะได้ดีลที่ดีที่สุดกลับไปทันที โดยแคมเปญนี้ ช่วยสร้างสีสันและกระตุ้นการจับจ่ายเพิ่มยอด spending ลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้มีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% จากช่วงเวลาปกติและได้รับผลตอบรับที่ดี นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นที่สาขาต่างๆ ทำให้ทราฟฟิกได้พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดสูงขึ้นเท่าตัวอาทิ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ต ฉลองครบรอบ 1 ปี ด้วยดีลพิเศษลดสูงสุด 90% และWeekly Surprise Sale ลด on-top เพิ่มอีกสูงสุด 40% ถึงวันที่ 30 ก.ย. 63ส่วนเซ็นทรัลเวิลด์ ซูเปอร์ เซลและ Clearance Sale ของห้างสรรพสินค้าอิเซตันที่ผ่านมา ทำให้ยอดทราฟฟิกพุ่งสูงขึ้นเท่าตัวทั้งนี้ เซ็นทรัลเวิลด์ยังได้ทยอยดึงร้านขนม ร้านอาหารเดิม และร้านต่างๆจากอิเซตัน ย้ายมาอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์อย่างต่อเนื่อง อาทิ ร้านพายแอปเปิ้ลชื่อดัง ANRI,ร้านหมูทอดTONKATSU WAKO, ร้านเบเกอรี่พรีเมี่ยมสไตล์ฝรั่งเศส จากญี่ปุ่นSUNMOULIN ROYAL เป็นต้น ซึ่งจะเป็น magnet ให้ทราฟฟิกกลับมาอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับสาขาที่กลุ่มลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือ ทัวริสต์มอลล์ ทางศูนย์ฯได้มีการปรับรูปแบบกิจกรรมการตลาด เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าในประเทศเพิ่มมากขึ้น มีการนำเอาผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้ามาจำหน่าย อาทิ ตลาดจริงใจมาร์เก็ต ที่เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ เป็นต้น รวมถึงเตรียมทำตลาดที่เน้นกลุ่ม Chinese Long Stay และ Expat ที่อยู่ในไทยกว่า 3 แสนคน ขณะเดียวกันก็ยังคงสร้าง Social Voice ต่อเนื่องตั้งแต่ Pre-Arrivalหรือก่อนการเดินทางมา เพื่อเตรียมรับโอกาสที่จะมีกำลังซื้ออย่างมหาศาลที่จะ Rebound กลับมา ทำให้คนจีนและชาวต่างประเทศ ไม่ลืมศูนย์การค้าเซ็นทรัล และอยากกลับมาเที่ยวเมืองไทยเป็นที่แรกหากสถานการณ์กลับมาดีขึ้น โดยกรุงเทพฯยังคงเป็นเมืองปลายทางอันดับ 1 ในประเทศไทย ทั้งนี้ เมืองท่องเที่ยวหลักอื่นๆ อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา สมุย ยังคงจะได้รับความนิยมต่อเนื่อง รวมถึงโอกาสของเมืองท่องเที่ยวเมืองรองอื่นๆ เช่น เชียงราย
ทั้งนี้เซ็นทรัลพัฒนา ยังคงเข้มงวดมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยเชิงรุก ตามแผนแม่บท ‘เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ’ 5 แกนหลัก กว่า 75 มาตรการ และล่าสุดยังได้รับมอบตราSHAสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Amazing Thailand Safety & Health Administration)ทำให้ลูกค้าให้การตอบรับ และมั่นใจกลับมาใช้บริการที่ศูนย์ฯ อย่างต่อเนื่องรวมถึงยังคงมีมาตรการในการช่วยเหลือคู่ค้าผู้เช่าเป็นอย่างดี