โครงการยื่นของบกองทุนอนุรักษ์ฯ ปีงบ 2563 ที่มีให้ 5,600 ล้านบาทถูกตีตกอื้อ เหตุไม่เข้าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ก.พลังงานเคาะอนุมัติแล้วแค่ 1,035 โครงการ มูลค่า 2,065 ล้านบาท จากที่ยื่นขอกว่า 5,000 โครงการ คิดเป็นเงินถึง 6.2 หมื่นล้านบาท พร้อมวางกรอบใช้งบปี 64 เน้นจ้างงานไม่ต่ำกว่า 5,000 คน โฟกัสนักศึกษาจบใหม่ พร้อมดึงเอสเอ็มอีเข้าร่วม
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยการประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เป็นประธาน วันนี้ (26 ส.ค.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการที่ขอรับการสนับสนุนปีงบประมาณ 2563 จำนวน 1,035 โครงการ วงเงินที่ให้การสนับสนุน 2,065 ล้านบาท จากกรอบวงเงินที่ให้การสนับสนุน 5,600 ล้านบาท
"ยอมรับว่าโครงการที่ยื่นของบมามีทั้งสิ้น 5,155 โครงการ วงเงินสูงถึง 62,000 ล้านบาท คณะกรรมการกลั่นกรองได้มีการพิจารณาคัดเลือกภายใต้เกณฑ์การพิจารณาที่ตั้งไว้ 7 เงื่อนไข พบว่าที่ผ่านน้อยเพราะมีความซ้ำซ้อนและไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เทคโนโลยีพลังงานที่ระบุให้ต้องทันสมัยส่วนใหญ่ก็เสนอมาเป็นโซลาร์ เป็นต้น" นายกุลิศกล่าว
ทั้งนี้ โครงการที่ผ่านการอนุมัติแบ่งตาม 2 แผนงาน ดังนี้ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อนุมัติทั้งหมด 16 โครงการ กรอบวงเงินสนับสนุน 535 ล้านบาท และแผนพลังงานทดแทนจำนวน 1,019 โครงการ กรอบวงเงินสนับสนุน 1,530 ล้านบาท โดยทุกโครงการจะต้องลงนามในหนังสือยืนยันกับสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังาน (ส.กทอ.) ภายในวันที่ 28 กันยายน 2563 หากเลยกำหนดให้ถือเป็นอันยุติ โดยให้นับเป็นการเริ่มต้นโครงการเป็นวันที่ 29 กันยายน 2563 และดำเนินการลงนามในหนังสือยืนยันพร้อมก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 135 วัน นับจากวันที่ 28 กันยายน 2563 หากไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าโครงการเป็นอันยกเลิก
สำหรับเกณฑ์การพิจารณาโครงการที่จะขอรับส่งเสริมปีงบประมาณ 2564 วงเงิน 10,000 ล้านบาทนั้นเบื้องต้นจากการหารือกระทรวงพลังงานจะร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) จะปรับรูปแบบจากเดิมที่กำหนดเกณฑ์ให้ยื่นแต่ละหมวดเข้ามาเป็นการกำหนดผลลัพธ์ของโครงการ เช่น การพัฒนาพลังงานและนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ ที่จะมีการแจกจ่ายแนวทางนี้ไปยังมหาวิทยาลัยให้มายื่นแข่งขันกัน
นอกจากนี้ จะพิจารณาด้านการสร้างงานและสร้างรายได้ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน โดยเน้นการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ระดับปริญญาตรี และอาชีวะ หรือนักศึกษาที่ใกล้จบแต่ไม่มีทุนการศึกษาต่อเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่จะเน้นการอบรมความรู้ด้านพลังงาน และจัดเก็บข้อมูลเพื่อทำคลังข้อมูล (Big Data) และยังรวมถึงการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เพิ่มเติมจากปีงบที่ผ่านมาไม่ได้รับการสนับสนุน โดยจะได้มีการหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในประเด็นดังกล่าวต่อไป
"ปีนี้รองนายกฯ และ รมว.พลังานขอให้เพิ่มเติมการให้งบแก่เอสเอ็มอีเข้ามาด้วย โดยการจ้างงานและสร้างรายได้นั้น เบื้องต้นที่หารือกันขั้นต่ำมองไว้ที่ 5,000 คน แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้เสนอนายสุพัฒนพงษ์ ซึ่งต้องรอสรุปให้ชัดเจนอีกครั้ง" นายกุลิศกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 ส.ค.นี้จะมีการหารือภายในร่วมกับ 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และหน่วยงานสังกัด ได้แก่ บมจ.ปตท. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อสรุปกรอบการสร้างงาน สร้างรายได้หลังจากที่ได้มอบหมายให้ไปคิดแผนมานำเสนอ โดยคาดว่าจะสรุปกรอบเพื่อเปิดให้ผู้สนใจยื่นขอใช้งบปี 64 ได้ภายในกลาง ก.ย.นี้