ผู้จัดการรายวัน360-"สุพัฒนพงษ์" นั่งหัวโต๊ะบอร์ดกองทุนอนุรักษ์พลังงานวันนี้(26ส.ค.) เตรียมอนุมัติโครงการที่ยื่นของบปี 63 คาดต่ำกว่าวงเงินที่มี 5,600 ล้านบาท พร้อมหารือกรอบการใช้งบปี 64 เดินหน้าสร้างงาน โดยเน้นนักศึกษาจบใหม่ และนักศึกษาที่ใกล้จบแต่ครอบครัวประสบปัญหาตกงาน
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานเป็นประธานวันที่ 26 ส.ค.นี้ ที่ประชุมจะมีการพิจารณาอนุมัติโครงการ ที่ยื่นขอสนับสนุนเงินกองทุนอนุรักษ์ปีงบ 2563 ที่มีวงเงิน 5,600 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าโครงการที่จะเสนออนุมัติไม่ถึงวงเงินดังกล่าว เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
"จากการกลั่นกรองโครงการของคณะทำงาน ที่มีนายประเสริฐ สินสุขประเสิรฐ รองปลัดพลังงานเป็นประธาน ได้พิจารณาโครงการที่ยื่นขอมารวมวงเงินสูงถึง 6.2 หมื่นล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่มี 7 ข้อ และยังพบมีการก็อปปี้โครงการกันมา บางโครงการเน้นจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้น เงินที่เหลือจะนำไปสมทบในปีงบประมาณ 2564 (1ต.ค.63-30ก.ย.64) แต่จะไม่เกินกรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาทที่จะมีการหารือกรอบการดำเนินงานในการประชุมครั้งนี้"นายกุลิศกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้าได้รับมอบนโยบายจากรมว.พลังงานและรองนายกฯแล้ว เบื้องต้นที่จะมุ่งเน้นใช้งบปี 64 ของกองทุนฯ ที่เน้นการสร้างงาน สร้างรายได้เพิ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมุ่งเน้นการจ้างนักศึกษาจบใหม่ 4 แสนคน โดยเบื้องต้นจะหารือเพื่อรับทราบนโยบายรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับแนวทางเบื้องต้นที่หารือกับทุกฝ่าย จะมุ่งใช้เงินเพื่อจ้างนักศึกษาจบใหม่ระดับปริญญาตรีภายใต้ระยะเวลา 1 ปี ในการเปิดฝึกอบรมความรู้ด้านพลังงานให้กับนักศึกษาจบใหม่ เพื่อที่จะนำความรู้ดังกล่าวไปถ่ายทอดให้กับชุมชน ควบคู่ไปกับการจัดเก็บข้อมูลด้านพลังงานเพื่อสนับสนุนการจัดทำ Big Data ของกระทรวงฯ พร้อมกันนี้ยังได้พิจารณาที่จะช่วยเหลือนักศึกษาที่ใกล้จะจบเช่นอยู่ปี 3-4 แต่ครอบครัวประสบปัญหาตกงานเพราะโควิด-19 ทำให้อาจไม่สามารถเรียนต่อได้ โดยรายละเอียดจะได้ข้อสรุปเพื่อนำเสนอบอร์ดกองทุนฯอนุมัติภายในเดือนก.ย.นี้
นายกุลิศ ยังกล่าวถึงการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านพลังงานครั้งที่ 38 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง(The 38th SOME) ที่มีสมาชิก 10 ประเทศระหว่าง 24 – 27 สิงหาคม 2563 ซึ่งในการประชุมจะมุ่งเน้น ผลักดันร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือพลังงานอาเซียน ระยะที่ 2 ปี 2021 – 2025 ภายใต้ 7 สาขาความร่วมมือ โดยเฉพาะการขยายการซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีที่จะขยายความร่วมมือในการเชื่อมโยงไฟฟ้ากับประเทศสปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงโปร์ โดยสิงคโปร์จะรับซื้อไฟผ่าน 3 ประเทศจำนวน 100 เมกะวัตต์ จากเดิมเป็นความร่วมมือ 3 ประเทศคือ LTM ที่มีการร่วมซื้อขายไฟ 300 เมกะวัตต์ผ่านไทย
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานเป็นประธานวันที่ 26 ส.ค.นี้ ที่ประชุมจะมีการพิจารณาอนุมัติโครงการ ที่ยื่นขอสนับสนุนเงินกองทุนอนุรักษ์ปีงบ 2563 ที่มีวงเงิน 5,600 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าโครงการที่จะเสนออนุมัติไม่ถึงวงเงินดังกล่าว เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
"จากการกลั่นกรองโครงการของคณะทำงาน ที่มีนายประเสริฐ สินสุขประเสิรฐ รองปลัดพลังงานเป็นประธาน ได้พิจารณาโครงการที่ยื่นขอมารวมวงเงินสูงถึง 6.2 หมื่นล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่มี 7 ข้อ และยังพบมีการก็อปปี้โครงการกันมา บางโครงการเน้นจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้น เงินที่เหลือจะนำไปสมทบในปีงบประมาณ 2564 (1ต.ค.63-30ก.ย.64) แต่จะไม่เกินกรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาทที่จะมีการหารือกรอบการดำเนินงานในการประชุมครั้งนี้"นายกุลิศกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้าได้รับมอบนโยบายจากรมว.พลังงานและรองนายกฯแล้ว เบื้องต้นที่จะมุ่งเน้นใช้งบปี 64 ของกองทุนฯ ที่เน้นการสร้างงาน สร้างรายได้เพิ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมุ่งเน้นการจ้างนักศึกษาจบใหม่ 4 แสนคน โดยเบื้องต้นจะหารือเพื่อรับทราบนโยบายรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับแนวทางเบื้องต้นที่หารือกับทุกฝ่าย จะมุ่งใช้เงินเพื่อจ้างนักศึกษาจบใหม่ระดับปริญญาตรีภายใต้ระยะเวลา 1 ปี ในการเปิดฝึกอบรมความรู้ด้านพลังงานให้กับนักศึกษาจบใหม่ เพื่อที่จะนำความรู้ดังกล่าวไปถ่ายทอดให้กับชุมชน ควบคู่ไปกับการจัดเก็บข้อมูลด้านพลังงานเพื่อสนับสนุนการจัดทำ Big Data ของกระทรวงฯ พร้อมกันนี้ยังได้พิจารณาที่จะช่วยเหลือนักศึกษาที่ใกล้จะจบเช่นอยู่ปี 3-4 แต่ครอบครัวประสบปัญหาตกงานเพราะโควิด-19 ทำให้อาจไม่สามารถเรียนต่อได้ โดยรายละเอียดจะได้ข้อสรุปเพื่อนำเสนอบอร์ดกองทุนฯอนุมัติภายในเดือนก.ย.นี้
นายกุลิศ ยังกล่าวถึงการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านพลังงานครั้งที่ 38 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง(The 38th SOME) ที่มีสมาชิก 10 ประเทศระหว่าง 24 – 27 สิงหาคม 2563 ซึ่งในการประชุมจะมุ่งเน้น ผลักดันร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือพลังงานอาเซียน ระยะที่ 2 ปี 2021 – 2025 ภายใต้ 7 สาขาความร่วมมือ โดยเฉพาะการขยายการซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีที่จะขยายความร่วมมือในการเชื่อมโยงไฟฟ้ากับประเทศสปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงโปร์ โดยสิงคโปร์จะรับซื้อไฟผ่าน 3 ประเทศจำนวน 100 เมกะวัตต์ จากเดิมเป็นความร่วมมือ 3 ประเทศคือ LTM ที่มีการร่วมซื้อขายไฟ 300 เมกะวัตต์ผ่านไทย