ประชุมอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ตึงเครียด “สุพล” ลั่นไม่เคยมีมติแขวนซื้อเรือดำน้ำ แค่ความเห็น จี้ถาม “ยุทธพงศ์” แฉนายพล ป.โทร.สั่งการ แต่เจอเลี่ยงไม่ตอบ ซัดอย่าก้าวล่วงว่าคนเห็นไม่ตรงกันไม่รักชาติ ติงปั่นกระแสทุกเรื่องให้เป็นการเมืองไม่ได้
วันนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 12.00 น. หลังจากนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่บริเวณหน้าห้องประชุมอนุ กมธ.กมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนว่า เสร็จเรียบร้อยแล้วได้เดินเข้าไปร่วมประชุมคณะอนุ กมธ.ที่นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมรับฟังด้วย บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตึงเครียดทันทีเมื่อนายสุพลได้ตอบโต้นายยุทธพงศ์ว่า สิ่งที่นายยุทธพงศ์พูดหน้าห้องประชุมว่าที่ประชุมอนุ กมธ.มีมติวันที่ 17ส.ค. 2563 ให้แขวนงบเรือดำน้ำไว้ก่อนไม่เป็นความจริง เพราะที่ประชุมไม่มีมติใดๆ ในวันดังกล่าว เป็นเพียงแค่ความเห็น แต่ไม่ใช่มติ ขณะที่นายยุทธพงศ์สวนกลับว่า การประชุมวันที่ 17 ส.ค.ไม่มีอนุ กมธ.คนใดเห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ ทุกคนขอให้เลื่อนการจัดซื้อไปก่อน ที่ประชุมจึงมีมติให้แขวนเรื่องนี้ไว้ก่อน ให้กองทัพเรือนำเอกสารมาชี้แจงเพิ่มเติม แต่นายสุพลยืนยันว่า ไม่มีมติใดๆ ในวันดังกล่าว ทำให้นายยุทธพงศ์ท้าให้นำชวเลขบันทึกการประชุมวันดังกล่าวมาเปิดว่าอนุ กมธ.แต่ละคนพูดว่าอย่างไรเป็นรายคน จะได้รู้ว่าใครรักชาติ ใครรักเรือดำน้ำจีน ก่อนที่จะพูดเสียงดังว่า “ผมพร้อมสู้ ผมยอมตาย เรื่องเรือดำน้ำจีน ผมยอมไม่ได้ ผมไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ”
หลังจากนั้น นายสุพลได้ถามนายยุทธพงศ์ถึงกรณีที่ให้สัมภาษณ์มีนายพล ป.โทรศัพท์มาสั่งการให้ลงมติจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่นายยุทธพงศ์เลี่ยงไม่ตอบ แม้นายสุพลจะซักถามอยู่หลายรอบ แต่นายยุทธพงศ์ก็เบี่ยงไปตอบในประเด็นอื่นๆ โดยพูดย้ำๆ อยู่แต่ประเด็นให้ที่ประชุมอนุ กมธ.นำบันทึกการประชุมวันที่ 17 ส.ค.มาเปิดเผยว่าใครพูดอะไรบ้าง จนนายสุพลต้องชี้แจงว่าอนุ กมธ.มีความเป็นห่วงประเด็นเรือดำน้ำจะถูกนำไปปั่นกระแสการเมือง ทุกคนพยายามขอให้กองทัพเรือเลื่อนการจัดซื้อ แต่เมื่อกองทัพเรือยืนยันไม่สามารถเลื่อนการจัดซื้อได้ กองทัพเรือก็มีเหตุผลความจำเป็นในการจัดซื้อ ซึ่งอนุ กมธ.แต่ละคนก็มีสิทธิตัดสินใจตามเหตุผลของแต่ละคน นายยุทธพงศ์ไม่ควรก้าวล่วง บอกว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับนายุทธพงศ์คือคนไม่รักชาติ ทุกคนมีเหตุผล เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว กองทัพเรือมีเหตุผลว่า งบทั้งหมดเป็นงบกองทัพ ไม่ได้กระทบประชาชน และไม่ได้จ่ายรวดเดียว 2 หมื่นล้านบาท แต่จ่ายเป็นงวดๆ ยอมรับว่าอึดอัดที่ต้องลงมติตอนคะแนนเสมอกัน 4ต่อ4 ยอมรับว่า ตนเป็นฝ่ายรัฐบาล แต่ฟังเหตุผลของกองทัพเรือแล้ว คิดว่าฟังขึ้น จึงลงมติเห็นด้วย ขณะนี้เป็นแค่ความเห็นในชั้นอนุ กมธ. ตนไม่ใช่ผู้ชี้ขาด ยังสามารถทบทวนได้ในการประชุม กมธ.งบประมาณฯ ชุดใหญ่วันที่ 26 ส.ค. 2563 และในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2-3 หรือถ้ารัฐบาลเห็นว่าสถานการณ์ไม่เหมาะสมจะเติมเชื้อไฟก็สั่งถอยได้ เราจะอยู่อย่างนี้โดยไม่ฟังเหตุผลกัน จะไปปั่นกระแสทุกเรื่องให้เป็นการเมืองไม่ได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ยังไม่ได้ชี้แจงให้ชัดเจนเรื่องนายพล ป. ที่นายยุทธพงศ์ระบุว่าเป็นผู้สั่งการให้ซื้อเรือดำน้ำ นายสุพลชี้แจงว่า เป็นเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐ ผู้สื่อข่าวได้ซักต่อว่า แสดงว่ามีการรับโทรศัพท์ในห้องประชุมจริงหรือไม่ นายสุพลตอบว่า ไม่มีการรับโทรศัพท์ เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในพรรค ไม่สังเกตหรือ 4 เสียงที่ยกมือสนับสนุนเป็น ส.ส.รัฐบาลทั้งหมด ตนเป็นประธานประชุมสังกัดพรรคพลังประชารัฐ จะให้อยู่ฝ่ายไหน จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ซักถามนายยุทธพงศ์ว่า กมธ.ที่มาบอกว่า นายพล.ป.เป็นผู้สั่งการคือใคร นายยุทธพงศ์อ้ำอึ้งก่อนตอบว่า “อย่าให้บอกเลย” ก่อนที่นายสุพลจะรีบตัดบทว่า อย่าให้แตกแยกไปมากนี้กว่าจนทำงานด้วยกันไม่ได้ เรายังต้องทำงานด้วยกันต่อไป ก่อนที่จะเชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุม