xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายค้านขยันตั้งฉายาผุดอีกชื่อ “นายกฯ เรือดำน้ำจีน” ขู่ต่อสัญญารถไฟฟ้าสีเขียวฟ้อง ป.ป.ช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (แฟ้มภาพ)
ถึงคิว “ยุทธพงศ์” ตั้งฉายา “นายกเรือดำน้ำจีน” ไม่ใช่นายกฯ ของคนไทย ขู่ฟ้อง ป.ป.ช.หากต่อสัญญารถไฟฟ้าสีเขียว “บิ๊กช้าง” แจงแทนจัดซื้อเรือดำน้ำโปร่งใส ยันสำคัญต่อความมั่นคงทางทะเล-ขนส่ง

วันนี้ (1 ก.ค.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ไม่ตอบสนองเศรษฐกิจของประเทศ เพราะ GDP ที่เกิดจากการลงทุน การบริโภค การส่งออก ไม่เกิด เหลือเพียงเครื่องมือเดียว คือ การใช้จ่ายของภาครัฐ แต่แทนที่งบส่วนนี้จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือประชาชน แต่กลับเอาซื้อเรือดำน้ำ ไม่ช่วยเหลือเศรษฐกิจ ให้เอกชนช่วยเหลือตัวเอง และไม่สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ ตรงข้ามกับสิงคโปร์ช่วยเหลือเอกชนอย่างเต็มที่ แต่นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ก็ยังรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่ทำไมนายกรัฐมนตรีไทยไม่แสดงความรับผิดชอบ ทั้งที่คนเดือดร้อนไปร้องเรียนที่หน้ากระทรวงการคลัง

ขณะเดียวกัน งบกระทรวงกลาโหมกลับเพิ่มขึ้น การซื้อเรือดำน้ำยังมีอยู่ ไม่หยุดซื้อ งบประมาณปี 2563 เป็นเพียงการชะลอ แล้วกลับมาซื้อปี 2564 จากมติคณะรัฐมนตรีเคยมีมติให้ตัดงบประมาณที่ยังไม่มีความจำเป็นออก ซึ่งงบการซื้อเรือดำน้ำยังสามารถตัดได้แต่ไม่ตัด เพราะอ้างว่าเป็นโครงการที่ผูกพันตามสัญญากว่า 4 หมื่นล้าน และไม่แจกแจงรายละเอียด ซึ่งตนคาดว่า งบประมาณ 2.2 หมื่นล้านของเรือดำน้ำ น่าจะซ่อนอยู่ในนี้ ขณะเดียวกัน การเยียวยาประชาชนจบที่ 5,000 บาท 3 เดือน และไม่มีเงินให้อีก

“ถ้านายกฯ เห็นแก่ประชาชนต้องเลิก ผมจึงถามว่าจะเอาไปรบกับใคร เพราะว่ารบกับโควิดยังไม่ชนะเลย ดังนั้น จึงถามว่าจะซื้อเรือดำน้ำไปทำอะไร”

นายยุทธพงศ์ยังกล่าวว่า นอกจากนี้ หากการประชุม ครม.ที่จะมาถึงยังมีการต่อสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ตนจะยื่นฟ้อง ป.ป.ช. เอาผิด ครม.แน่นอน และขอตั้งฉายานายกรัฐมนตรี “ประยุทธ์” คือ นายกฯ เรือดำน้ำจีน ไม่ใช่นายกฯของคนไทย

ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า ความมั่นคงทางทะเลเป็นเรื่องที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ ไทยและสหรัฐอเมริกาเป็นผู้กำหนดแนวทางความมั่นคงทางทะเลย การขนส่งกว่า 95% เป็นการขนส่งทางทะเล อำนาจดุลในทะเล ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างมีเรือดำน้ำประจำการไปแล้ว 4 ประเทศ สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย การรักษาเส้นทางการเดินเรือถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกองทัพเรือ ซึ่งการจัดหานี้กว่าจะเข้าประจำการได้ในปี 2566-2569 และจะตามหลังประเทศเพื่อนบ้านไป 8-10 ปี และถ้าเทียบกับพื้นที่ทางทะเลการปฏิบัติการเรือดำน้ำ 3 ลำถือเป็นอัตราที่ต่ำที่สุด ย้ำว่า การดำเนินการนี้เป็นแบบจีทูจีที่โปร่งใส มีการคัดเลือกแบบตามที่แต่ละประเทศเสนอมา จากประเทศจีนมีการรับประกัน อะไหล่ และการฝึกอบรม และเรือดำน้ำถือเป็นความมั่นคงทางทะเลของประเทศอย่างแท้จริง การดำเนินการสามารถตรวจสอบได้


กำลังโหลดความคิดเห็น