กลุ่ม ปตท.ขานรับนโยบายรัฐเร่งการจ้างงานเพิ่ม ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด-19 คาดสรุปรูปแบบชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์นี้
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) กล่าวภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการ “พลังงานร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติ” ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน วันนี้ (20 ส.ค.) ว่า บริษัทฯ พร้อมสนองนโยบายรัฐในการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้นเพื่อดึงเศรษฐกิจให้กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ซึ่งทำได้หลายรูปแบบเพื่อให้กระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาค หรือในภาคธุรกิจที่เปราะบาง ทั้งธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม โดยบริษัทจะพิจารณาว่าแนวทางในการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นโดยเน้นกระจายการจ้างงานให้มากที่สุดคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์นี้ ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานที่ว่างงานชั่วคราว 2.5 ล้านคน เพื่อให้เขาผ่านวิกฤตนี้ต่อไปให้ได้ และกลับมาเป็นแรงงานที่มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) กล่าวว่า การลงทุนโครงการพลังงานสะอาด (CFP) มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท เป็นโครงการที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยบริษัทฯ พยายามใช้การอุปกรณ์และทรัพยากรต่างๆ ภายในประเทศ รวมทั้งว่าจ้างแรงงานคนไทยมากขึ้น ซึ่งช่วงการก่อสร้างโครงการนี้จะมีคนงานราว 1 หมื่นคน โดยยอมรับว่าช่วงล็อกดาวน์การป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้โครงการดังกล่าวชะลอไปบ้างเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศไม่สามารถเดินทางมาได้ แต่ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศได้ทยอยเข้ามาทำงานได้แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเร่งรัดการก่อสร้างโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดการเดิมในปี 2566
“ในช่วงโควิด-19 อาจทำให้โครงการ CFP ล่าช้าไปบ้างแต่จะพยายามเร่งรัดงานกลับมาได้ทันตามกำหนดในปี 2566 โดยบริษัทได้มีการจัดซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์แล้ว ส่วนงานก่อสร้างก็เริ่มไปแล้ว โดยมีการจ้างงานราว 7 พันคน โดยบริษัทก็พยายามใช้คนไทย แต่แรงงานคนไทยก็ไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา”
นายวิรัตน์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าการใช้อัตราการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 98% ต่ำกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน (เจ็ต) ลดต่ำลงมาก และเชื่อว่ายังไม่เพิ่มขึ้นหากไม่มีการเปิดน่านฟ้า ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปทั้งเบนซินและดีเซลมีความต้องการใช้เข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้บริษัทยังต้องลดอัตราการกลั่นลงเพื่อไม่ให้บางผลิตภัณฑ์ล้นตลาด
น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่ขอให้พิจารณาเร่งการลงทุนเพื่อให้เกิดการจ้างงานเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้บริษัทยังเดินหน้าตามแผนการลงทุนเดิมที่จะขยายร้านคาเฟ่ อเมซอนอีก 2 พันสาขาใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 3 พันสาขาทั่วประเทศ ส่วนการลงทุนสร้างคลังสินค้าของธุรกิจค้าปลีก แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การก่อสร้างล่าช้าในการสั่งเครื่องจักรจากต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้ล่าช้ามากนัก หลังจากนี้ก็ยังคงสามารถเดินหน้าได้ตามแผน
“รัฐมนตรีขอให้หน่วยงานหากสามารถทำให้คนที่ตกงานเข้ามาอยู่ในกระบวนการเพื่อมีงานทำ การลงทุนที่จะมีขึ้นในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าก็ให้ลงทุนลงเร็วขึ้นได้หรือไม่ ตอนนี้การขยายงานของเราก็เป็นไปตามแผน การบริโภคทั่วไปก็ยังได้อยู่ ยอดตกเฉพาะช่วงโควิดประมาณเดือนครึ่ง ตอนนี้ก็ปกติแล้ว ยอดขายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไม่มีอะไรกระทบเลย”