“ประยุทธ์” ประชุม ศบศ.นัดแรก เร่งแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน ทั้งการจ้างงานเด็กจบใหม่ เพิ่มแพกเกจการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. สัญจรที่ จ.ระยอง 24-25 สิงหาคมนี้
วันนี้ (19 ส.ค.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม “ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” เรียกโดยย่อว่า “ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.)” นัดแรก
ภายหลังการประชุม นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายสมิทธ์ พนมยงค์ โฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ และ นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว
โดยที่ประชุม เห็นชอบการแต่งตั้ง คณะกรรมการ ศบศ. มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำข้อเสนอและกรอบแนวทางการดำเนินการมาตรการเศรษฐกิจ โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย (1) ระยะเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด 19 และ (2) ระยะปานกลางและระยะยาวเพื่อยกระดับศักยภาพและวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตภายหลังจากการระบาดโควิด 19 สิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบแนวทางการดำเนินการมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ ได้แก่ ระดับพื้นที่ (Micro) ส่งเสริมการจ้างงานในระดับพื้นที่ โดยจะมีกลไกดำเนินการผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัดเป็นหลัก และ (2) ระดับประเทศ (Macro) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ในระดับศักยภาพ การส่งเสริมการลงทุนและการจ้างงานในภาพรวม รวมทั้งการวางรากฐานและผลักดันให้เศรษฐกิจปรับเปลี่ยนเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ โดยจะมีกลไกดำเนินการผ่านคณะกรรมการ ศบศ.เป็นหลัก
ที่ประชุมเห็นชอบกรอบข้อเสนอมาตรการเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย และสามารถบรรเทาผลกระทบได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด การส่งเสริมการจ้างงานโดยเฉพาะให้แก่ผู้จบการศึกษาใหม่ ควบคู่ไปกับการรักษาการจ้างงานภายในประเทศ/การสนับสนุนภาคเศรษฐกิจจริง ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการให้สามารถฟื้นตัว เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนและผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย และ การรักษาเสถียรภาพทางการเงินเพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนและบรรเทาความเสียหายที่อาจจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญต่อข้อเสนอมาตรการในระยะเร่งด่วนที่สำคัญๆ 4 มาตรการ ดังนี้ (1) มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว เราเที่ยวไปด้วยกัน อาทิ ขยายสิทธิการจองพัก จาก 5 คืน เป็น 10 คืน หรือ เพิ่มค่าท่องเที่ยวจาก 1 พัน เป็น 2 พันบาท/การวางแนวทางมาตรการนำร่องเพื่อเปิดรับท่องเที่ยวเฉพาะพื้นที่ (ภูเก็ตโมเดล) อย่างรอบคอบและรัดกุม (2) มาตรการสนับสนุนภาคธุรกิจและ SMEs (3) มาตรการส่งเสริมการจ้างงาน อาทิ การส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้ที่จบใหม่ โดยภาครัฐและภาคเอกชน การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานทั้งแรงงานในและนอกระบบ และการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาสำหรับผู้มีรายได้น้อย และ (4) มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ได้แก่ อาทิ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มเติมระยะใหม่ และมาตรการเปิดรับผู้ใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม
ทั้งนี้ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำรายละเอียดมาตรการในระยะเร่งด่วนตามกรอบข้อเสนอมาตรการเศรษฐกิจ รวมทั้งการขอต่ออายุ/หรือข้อเสนอเพิ่มเติมของมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพต่างๆ ให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจตามเหมาะสมและความจำเป็น โดยต้องเสนอในที่ประชุม ศบศ.ทุก 2 สัปดาห์ หรือหากประเด็นใดแล้วเสร็จ นำเข้าสู่ ครม.ได้ทันที
ที่ประชุม ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการทำงาน ของ ศบศ.โดยมี นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นประธานและมีปลัดกระทรวงทุกกระทรวงเป็นคณะกรรมการ ซึ่งจะทำหน้าที่ช่วยติดตามและประเมินผลการทำงานของ คณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งขึ้น และสามารถให้ข้อเสนอแนะได้
นอกจากนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ยังได้เปิดโอกาสพบสื่อมวลชน ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาบล เพื่อทำความเข้าในในแนวทางการทำงานร่วมกัน รวมถึงนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ยังระบุว่า บางมาตรการที่ ศบค.นัดแรก ได้หารือกัน เตรียมที่นำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.ระยอง ระหว่างวันที่ 24-25 ส.ค. แต่ไป เช่น การหารือเรื่องการจ้างงาน แรงงานจบใหม่ ที่จะดำเนินการทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมกัน รวมถึง มาตรการมาตรการปรับเงื่อนไขเราเที่ยวไปด้วยกัน