xs
xsm
sm
md
lg

“ผู้ว่าฯ ธปท.” ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นแบบ “เครื่องหมายถูกแต่หางยาว”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ว่าฯ ธปท.ยืนยันเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 40 พร้อมมองเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบเครื่องหมายถูกแต่หางยาว หลังเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาค ประจำปี 2563 หัวข้อ "ชวนคุยชวนคิด ปรับวิถีธุรกิจท้องถิ่นในโลกใหม่อย่างยั่งยืน" โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยจุดต่ำสุดอยู่ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจและจะเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 3 และกลับสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ปลายปี 2564 โดยเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบเครื่องหมายถูกแต่หางยาว เพราะไทยพึ่งพาเศรษฐกิจจากต่างประเทศสูง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่คาดว่าอีกหลายปีกว่าจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยถึง 40 ล้านคน รวมทั้งภาคการส่งออกที่คาดว่าจะใช้เวลานานกว่าจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนเกิดโควิด-19

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ยอมรับว่าภาพเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบรุนแรงไม่แพ้วิกฤตปี 2540 แต่ในส่วนของเศรษฐกิจมหภาคถือว่ามีความเข้มแข็งกว่าตอนวิกฤตปี 2540 โดยเฉพาะระบบสถาบันการเงินไทยที่มีสถานะเงินกองทุน มีสภาพคล่อง มีกันชนระดับสูง และไทยมีหนี้ต่างประเทศต่ำ ทำให้ธนาคารกลางสามารถใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยได้ พร้อมยืนยันไทยไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เหมือนตอนวิกฤตปี 2540

พร้อมแสดงความเป็นห่วงเรื่องปัญหาการว่างงานที่สุด เพราะโควิด-19 ส่งผลกระทบแรงในภาคบริการและภาคการผลิต มองแม้โควิด-19 คลี่คลาย เชื่อว่าหลายคนจะไม่สามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในโลกยุคหลังโควิด-19 ได้ เพราะปัจจุบันทั่วโลกและไทยมีกำลังการผลิตส่วนเกินสูง และภาคการผลิตจะถูกเปลี่ยนเป็นการผลิตที่เน้นคุณภาพ มีการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้แทนคนมากขึ้น ขณะที่แรงงานภาคบริการและนักท่องเที่ยวกว่าจะกลับมาต้องใช้เวลาหลายปี แรงงานอายุมากขึ้น รวมทั้งเด็กจบใหม่ปีนี้หากยังหางานไม่ได้ภายใน 1-2 ปี ก็จะมีเด็กจบใหม่ใน 2 ปีข้างหน้ามาแทนที่

ทั้งนี้ ยอมรับว่าหลังโควิด-19 ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของไทยจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่จะไม่สูงแบบก้าวกระโดด จากการใช้มาตรการพักชำระหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ แนะปรับตัวสร้างภูมิคุ้มกันผ่านการออม เพราะเชื่อว่าแม้ผ่านวิกฤตโควิด-19 แล้ว ยังต้องเผชิญความเสี่ยงและความผันผวนอีกมากในอนาคต

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงกรณีเงินทุนไหลออก โดยระบุว่าไม่น่ากังวล เพราะไทยยังมีกันชนที่แข็งแรง เพราะมองว่าปีนี้ไทยยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัดแม้จะลดลงจากปีก่อนก็ตาม นอกจากนี้ สภาพคล่องของระบบสถาบันการเงินไทยยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้น แม้มีเงินไหลออกก็จะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมเตือนระวังความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของโลกหลังโควิด-19 ที่เกิดสภาพคล่องสูงหลังหลายประเทศอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 แนะผู้ส่งออกทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น