สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยมองเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยง และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังอยู่ในขาลง ส่งผลให้ปี 63 มีโอกาสเงินทุนไหลออกจากตราสารหนี้ไทยไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดการณ์แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2563 ว่า บริษัทเอกชนไทยยังต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการออกหุ้นกู้ระยะยาวประมาณ 850,000 - 920,000 ล้านบาท พร้อมมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นลดลงตาม ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว 10 ปี ทำระดับต่ำสุดในช่วงเปิดต้นปีมามีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในกรอบแคบ หากสงครามการค้ามีแนวโน้มดีขึ้น
ขณะที่แนวโน้ม Fund flow ปี 2563 มีโอกาสที่เงินทุนจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยใกล้เคียงกับปี 2562 หรือประมาณกว่า 80,000 ล้านบาท ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความเสี่ยง การที่ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรหรือบอนด์ยีลด์ไทยกับสหรัฐต่ำลงมาก และพันธบัตรจีนเพิ่มน้ำหนักในดัชนีกลุ่มพันธบัตรรัฐบาล-ตลาดเกิดใหม่ หรือ GBI-EM index
ทั้งนี้ ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2562 ยังขยายตัวได้ร้อยละ 5.72 คิดเป็นมูลค่าคงค้างรวม 13.52 ล้านล้านบาท มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 87,755 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 โดยตราสารหนี้ภาคเอกชนมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ 4,710 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวในปีที่ผ่านมาสามารถทำสถิติใหม่ที่ 1.08 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ24 จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ อสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ เงินทุนและหลักทรัพย์ และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มียอดการออกพุ่งขึ้นกว่า 3 เท่า ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นมีมูลค่าการออกลดลงโดยเฉพาะการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN
ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศเป็นการไหลออกสุทธิ 84,452 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อตราสารหนี้ระยะยาว และขายตราสารหนี้ระยะสั้นมูลค่าที่สูงกว่า ทำให้สิ้นปี 2562 ต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทย 911,779 ล้านบาท ลดลง 77,176 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 11.86 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยบอนด์ยีลด์อายุตั้งแต่ 1 เดือนถึง 4 ปี อยู่ต่ำกว่าระดับดอกเบี้ยนโยบายที่ ร้อยละ 1.25