นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนโครงการของกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีกำหนดเปิดขายกองทุน K-PROP อีกครั้งในทุกช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-PROP ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 5 ดาว ในกลุ่ม Property - Indirect Global ต่อเนื่องยาวนานถึง 7 เดือน (ข้อมูลจาก Morningstar ณ วันที่ 31 ธ.ค. 62) ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-PROP เมื่อปี 2559 กองทุนได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนได้จากจำนวนเงินทุนโครงการที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 30,999 ล้านบาท เป็น 35,999 ล้านบาท โดยกองทุนมีนโยบายที่เน้นลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะในสิงคโปร์ เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนใอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เป็นต้น ซึ่งความน่าสนใจของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็คือความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากอัตราค่าเช่าที่แน่นอน ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ผ่านมากองทุน K-PROP มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมแล้วทั้งสิ้น 11 ครั้ง เป็นเงิน 3.62 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเพิ่มจากแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวอีกด้วย
“สำหรับมุมมองการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อาจต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนหลังจากที่สินทรัพย์ประเภทนี้ปรับตัวขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องอาจส่งผลให้ราคาสินทรัพย์มีความผันผวนและเผชิญแรงขายทำกำไรได้ อีกทั้งยังต้องจับตาการเพิ่มทุนของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ทั้งในและต่างประเทศซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาสินทรัพย์ในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดังกล่าวยังคงมีรายได้จากค่าเช่าที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ จึงเหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว ทั้งนี้ กองทุน K-PROP มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4 ไตรมาสย้อนหลัง (Dividend Yield) อยู่ที่ 15.56% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 62)” นางสาวธิดาศิริกล่าว