ปตท.มั่นใจครึ่งปีหลังมีผลดำเนินงานดีขึ้นกว่า 6 เดือนแรกปี 63 เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้ารองรับเป้าหมายพลังงานหมุนเวียน 8 พันเมกะวัตต์ในปี 2573 ส่วนการต่ออายุซีอีโอ ปตท.สผ.ที่จะเกษียณอายุ 60 ปีสิ้น ก.ย.นี้ ตามข้อกฎหมายคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจเปิดช่องเพราะรัฐถือหุ้นไม่เกิน 2 ใน 3 ส่วนจะต่ออายุหรือไม่ต้องพิจารณาหลายมิติ
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2563 ว่ามีแนวโน้มจะเติบโตดีกว่า 6 เดือนแรกปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 10,499 ล้านบาท เนื่องจากมีการคลายล็อกดาวน์ หนุนให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นหากเทียบกับครึ่งปีแรก และราคาปิโตรเลียมปรับตัวดีขึ้น คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 40-45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่สเปรดน้ำมันเบนซินเฉลี่ยในระดับ 5-7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สเปรดน้ำมันดีเซลเฉลี่ยในระดับ 8-10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาผลิตโอเลฟินส์เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งมีความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศทั้งเรื่องการเมือง การแพร่ระบาดโควิดรอบ 2 ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ รวมทั้งปัจจัยต่างประเทศเรื่องสงครามการค้า แต่ส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจนับจากนี้ไปจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นหากไม่มีปัจจัยอะไรมากระทบหนัก ขณะที่รายได้ปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้วกว่า 10% จากที่ปีที่แล้วมียอดขายประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท เนื่องจากราน้ำมันดิบต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายอรรถพลกล่าวต่อไปว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ได้ขอให้ปตท.เข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจาก ปตท.เป็นองค์กรใหญ่ ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ ปตท.เร่งเดินหน้าลงทุนโครงการต่างๆ เต็มที่ ช่วยการจ้างงานทั้งการจ้างงานตรง และการจ้างงานในรูปแบบเชิงช่วยเหลือสังคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางกลุ่ม ปตท.กำลังพิจารณาโครงการเพิ่มเติม
แผนลงทุนในปีนี้ ปตท.วางงบลงทุน 5.39 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งหลังปีนี้ยังคงเดินหน้าทุกโครงการเต็มที่ โดย 6 เดือนแรกนี้ ปตท.ลงทุนไปแล้ว 50% เหลืออีก 50% ที่จะลงทุนในครึ่งปีหลัง ส่วน ปตท.จะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่ามีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่หรือไม่ แต่ขณะนี้บริษัทมีเงินสดในมือราว 1 แสนกว่าล้านบาทหลังจากออกหุ้นกู้ก่อนหน้านี้ราว 5.7 หมี่นล้านบาท เพียงพอต่อการลงทุน
สำหรับทิศทางธุรกิจและแผนการลงทุนนั้น ปตท.ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคง และยั่งยืน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย รองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดเป็น Next normal ทั้งธุรกิจปัจจุบันและโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยดำเนินกลยุทธ์ 3 กลุ่มหลัก (3R) ประกอบด้วย 1. REIMAGINE upstream ธุรกิจขั้นต้น (ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ) โดยจะโฟกัสธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในการขยายการทำตลาดแอลเอ็นจีในต่างประเทศ และแสวงหาโอกาสการลงทุนแอลเอ็นจีครบวงจร (Value Chain) เพื่อไปสู่การเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดแอลเอ็นจีโลก เนื่องจากมองว่าก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงที่เติบโตได้อีกหลายปี
2. REINFORCE downstream ธุรกิจขั้นปลาย เน้นสร้างความแข็งแกร่ง มีการ Synergy และวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนซ้ำซ้อน เพื่อให้ธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีสามารถผ่านพ้นช่วงวัฏจักรขาลงในช่วงนี้ และ 3. REIGNITE new business ธุรกิจใหม่ โดยลงทุนและพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน โดยธุรกิจใหม่ ทาง ปตท.เตรียมขยายไปสู่ธุรกิจยา อาหารเสริม และการต่อยอดธุรกิจ Commodity ไปสู่ Advanced Material และต่อยอดจากธุรกิจน้ำมันไปสู่ Mobility & Lifestyles และ Logistics
ส่วนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ทางกลุ่ม ปตท.มีเป้าหมาย 8 พันเมกะวัตต์ในปี 2573 โดยมีบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็นหลักในธุรกิจไฟฟ้า แต่เนื่องจาก GPSC อาจมีสภาพคล่องไม่เพียงพอหลังจากปี 2562 ได้เข้าไปซื้อกิจการบริษัท โกลว์พลังงาน จำกัด (มหาชน)(GLOW) ดังนั้น ปตท.จึงมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าใหม่เพี่อให้การทำธุรกิจมีความคล่องตัวขึ้น โดยล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่อินเดีย มูลค่าราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และ GPSC ได้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไต้หวัน กำลังการผลิต 55 เมกะวัตต์ เป็นต้น โดย ปตท.จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจใหม่และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนราว 20% ของงบการลงทุนรวม
นายอรรถพลกล่าวถึงกระแสข่าวว่า จะมีการต่ออายุการทำงานของ นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งจะครบวาระเกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายน 63 ว่า เรื่องนี้ยังไม่สามารถชี้แจงได้ แต่ตามข้อกฎหมาย แม้ว่า ปตท.สผ.จะเป็นรัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ.งบประมาณฯ แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสําหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพราะภาครัฐถือหุ้นไม่เกิน 2/3 ซึ่งจะต่ออายุหรือไม่คงจะต้องดูหลายมิติ ส่วนกรรมการ บมจ.ปตท.นั้น ตามกฎหมายยังกำหนดว่าอายุต้องไม่เกิน 65 ปี