xs
xsm
sm
md
lg

RATCH มั่นใจครึ่งปีหลังนี้ปิดดีล 2-3 โรง หนุนสิ้นปี 63 มีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 780 MW

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ราช กรุ๊ป” มั่นใจครึ่งปีหลังนี้คว้าโรงไฟฟ้าเพิ่ม 2-3 โครงการ ส่งผลให้บรรลุเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มในปีนี้ 780 เมกะวัตต์ หลังในครึ่งปีแรกบริษัทฯ ลงทุนใหม่ 5 โครงการคิดเป็นกำลังผลิต 242.62 เมกะวัตต์ หนุนสิ้นปี 2563 มีกำลังผลิตติดตั้งรวม 8,177.68 เมกะวัตต์ ด้านผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีกำไรส่วนของบริษัทจำนวน 2,434.98 ล้านบาท ลดลง 34.1% จากงวดเดียวกันของปี 2562
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยว่า ในครึ่งหลังของปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะปิดดีลเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มอีก 2-3 โครงการทั้งในไทยและอาเซียน มีทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทำให้บรรลุเป้าหมายการมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ในปี 2563 เพิ่มขึ้น 780 เมกะวัตต์ หลังจากครึ่งแรกของปี 2563 บริษัทลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ในไทยและเวียดนามรวม 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิต 243 เมกะวัตต์ เช่น โรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี, โรงไฟฟ้าอาร์อีเอนโคราช (IPS) โรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย, โรงไฟฟ้าพลังลม Thanh Phong และกองทุน ABEIF ทำให้ครึ่งหลังปีนี้ต้องหากำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 537 เมกะวัตต์

โดยงบลงทุนในปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับลดลงจากเดิมที่เคยตั้งงบไว้ 2 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้การลงทุนซื้อกิจการ (M&A) ล่าช้าออกไป ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้ว 3.7 พันล้านบาท และครึ่งปีหลังจะใช้เงินลงทุนอีก 1.13 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนในไตรมาส 3 นี้ราว 6 พันล้านบาท และไตรมาส 4 อีก 5.3 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ 5-8 พันล้านบาท เพื่อใช้คืนหนี้ที่ครบกำหนด 1,250 ล้านบาท และ 50 ล้านเหรียญสหรัฐส่วนที่เหลือใช้เพื่อการลงทุน

ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้นเป็น 8,177.68 เมกะวัตต์ หากในครึ่งปีหลังสามารถลงทุนได้ตามเป้าหมายก็จะส่งผลให้สิ้นปี 2563 RATCH มีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 8,714.68 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการในปี 2563 ดีกว่าปี 2562 ที่มีรายได้รวม 43,220 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,963 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้เพิ่มจากโครงการที่ M&A และครึ่งหลังปี 2563 จะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าเหมือนครึ่งแรกปี 2563 แต่รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย กำลังผลิตติดตั้ง 410 เมกะวัตต์ ในสปป.ลาว ซึ่งช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเพิ่มช่วยให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้จากการให้บริการโครงข่ายสายใยแก้วนำแสง และยังรับรู้รายได้ในธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เซ็นเซอร์ และค่าเช่าสัญญาณ Sigfox คาดว่าปีนี้ให้บริการได้ 350 จุด

สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 20,767.79 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากการขายและบริการและรายได้ตามสัญญาเช่าการเงินของโรงไฟฟ้าที่บริษัทควบคุม 18,321.55 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88.22% และบริษัทฯ มีกำไรส่วนของบริษัทจำนวน 2,434.98 ล้านบาท ลดลง 34.1 % จากงวดเดียวกันของปี 2562

นายกิจจากล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายที่ 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2566 จากสิ้นปีนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 8,714 เมกะวัตต์ ซึ่งยังเหลือประมาณ 1,300 เมกะวัตต์ ก็จะทำให้บรรลุเป้าหมาย และมั่นใจว่าจะสามารถสร้างมูลค่ากิจการของบริษัทให้เติบโตถึงเป้าหมายที่ 200,000 ล้านบาทในปี 2566 ส่วนสัดส่วนธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตไฟฟ้ามีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 20% ในปี 2566 จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ที่ 5-10%

สำหรับธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไฟฟ้านั้น บริษัทฯ เตรียมร่วมกับพันธมิตรยื่นประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เส้นนครปฐม-ชะอำ ส่วนโครงการลงทุนในธุรกิจจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวล (Wood pellet) ที่จะลงทุนใน สปป.ลาวนั้นคาดว่าจะสัมปทานเช่าพื้นที่ได้ไตรมาส 3/63 พื้นที่ 40,000 ไร่ แต่เบื้องต้นจะลงทุนก่อน 20,000 ไร่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาขายเชื้อเพลิงให้กับลูกค้าในจีน และเกาหลีใต้ไว้หลายราย

นายกิจจากล่าวถึงความคืบหน้าโรงไฟฟ้าหินกอง ขนาด 1,400 เมกะวัตต์ว่า ปัจจุบันโรงไฟฟ้าหินกองได้ผ่านการอนุมัติการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมลงนามกับผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จภายในปี 2563 และจัดหาเงินกู้ได้ในปี 2564 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ไตรมาส 2/2564 และจะเสร็จตามกำหนดการหน่วยผลิตไฟฟ้าแรก 700 เมกะวัตต์ เดือน มี.ค. 2567 และหน่วยที่ 2 อีก 700 เมกะวัตต์ในวันที่ 1 ม.ค. 2568

ส่วนการจัดหาก๊าซธรรมชาติป้อนโรงไฟฟ้าหินกองนั้น ขณะนี้ได้เจรจากับผู้จัดหาก๊าซฯ หลายราย หลังจากบริษัทฯ ได้รับอนุมัติเป็นผู้ประกอบการจัดหาและนำส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2563 เพื่อหาเงื่อนไขที่ดีสุด อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังไม่ได้ตัดทางเลือกการเจรจาซื้อก๊าซฯ จากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แต่อย่างใด แต่จะนำข้อมูลทั้งด้านราคาและรายละเอียดเงื่อนไขการรับก๊าซฯ จากผู้จัดหาก๊าซฯ รายอื่นๆ มาเปรียบเทียบด้วย ทั้งนี้ แม้บริษัทจะได้รับอนุมัติเป็น Shipper ก๊าซฯ แล้วก็ตาม แต่ยังไม่สามารถนำเข้าก๊าซฯ ได้จริง เพราะต้องรอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่อนุมัติให้นำเข้าก๊าซฯ ก่อน รวมทั้งต้องให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบก่อนด้วยจึงจะเริ่มนำเข้าได้ โดยบริษัทต้องทำสัญญาซื้อขายก๊าซฯ ให้เสร็จก่อนโรงไฟฟ้าหินกองจะเริ่มเข้าระบบในปี 2567

ส่วนขั้นตอนการนำเข้าก๊าซฯ จะต้องเช่าคลังเก็บ LNG ก่อน ซึ่งอาจเป็นของ ปตท. หรือคลังของบริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจีเทอร์มินอล จำกัด นอกจากนี้ ต้องเจรจาการผ่านท่อก๊าซฯ เนื่องจากปัจจุบันโครงสร้างราคาผ่านท่อก๊าซฯ ได้บวกรวมต้นทุนท่อก๊าซฯ บนบกและในทะเล แต่บริษัทฯ จะใช้เฉพาะท่อบนบก ดังนั้นจึงไม่ยุติธรรมหากจะรวมต้นทุนท่อก๊าซฯ ในทะเลมาด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น