xs
xsm
sm
md
lg

ฟันโรงแรม “เราขึ้นราคาด้วยกัน” โฮเต็ลเชนอัดแคมเปญดึงลูกค้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - จ่อฟันและแบล็กลิสต์โรงแรมฉวยขึ้นราคารับ “เราเที่ยวด้วยกัน” ททท.ถกด่วนสมาคมโรงแรมไทยหาทางแก้ พร้อมเดินหน้าเฟส 2 ต่อ กลุ่มเชนโรงแรมขนาดใหญ่ทยอยเปิดโรงแรมทั่วไทย ขานรับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เปิดรับสิทธิ์ เสริมด้วยโปรโมชันพิเศษ

โครงการเที่ยวปันสุข โดยมาตรการหรือแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของรัฐบาลที่ออกมาก็เพื่อหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก รีสอร์ตต่างๆ ร้านอาหารต่างๆ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้กลับมาคึกคักและมีรายได้ ผ่านการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เข้าใช้สิทธิ์นี้ หลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภาพรวม

สำหรับรายละเอียดแพกเกจเราเที่ยวด้วยกัน ภาครัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภคที่ใช้สิทธิ์ โดยแยกเป็น ค่าโรงแรมที่พัก 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน (ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน) และสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 ล้านใบ ผู้จองที่พักมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสาร ในลักษณะการจ่ายเงินคืนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่ง และจองที่พัก 1 ห้อง จะได้รับสิทธิ์บัตรโดยสารไม่เกิน 2 ใบ รวมถึงรับคูปองดิจิทัล หรืออีวอเชอร์มูลค่า 600 บาทต่อวัน ใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ

ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมายังมีมติเห็นชอบให้มีการเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายโครงการเราเที่ยวด้วยกันอีกด้วย โดยการเพิ่มวงเงินช่วยค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว จากเดิมให้วันละ 600 บาท เพิ่มเป็น 900 บาท แต่ทั้งนี้ต้องเป็นกรณีการจองที่พักเพื่อเที่ยวในวันธรรมดาเท่านั้น โดยให้มีผลทันที ขณะที่ผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ท่องเที่ยววันเสาร์-อาทิตย์ ยังคงเป็นไปตามเดิม คือรับวันละ 600 บาทเท่านั้น

กล่าวได้ว่า เราเที่ยวด้วยกัน เป็นการจุดประกายเบื้องต้นให้ผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวเริ่มมีความหวังในการฟื้นฟูธุรกิจขึ้นมาได้บ้าง จึงมีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างมาก อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศก่อน ก่อนที่จะไปถึงการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้


อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากลับมีกระแสข่าวในทางลบเกิดขึ้น ทั้งการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักบางแห่ง ฉวยจังหวะในการขึ้นราคาห้องพักเพื่อหวังจะกอบโกยรายได้ในช่วงที่มีเคมเปญนั้น เพราะคาดว่าจะมีผู้บริโภคมาจองใช้สิทธิ์จำนวนมาก หรือแม้แต่มีเงื่อนไขอะไรต่างๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองว่าที่พักเหล่านี้ทำไม่ถูกเสียแล้ว

ถึงขั้นที่ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง จึงต้องออกโรงมาเตือนผู้ประกอบการเหล่านั้น ว่า ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ที่พัก ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขอให้งดเว้นการขึ้นราคา ซึ่งเชื่อว่าเป็นเพียงผู้ประกอบการส่วนน้อยมากๆ กระทรวงการคลังจะติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า ตามที่โซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลกันว่ามีโรงแรมที่พักแคมเปญเราเที่ยวด้วยกันมีการขึ้นราคา ต้องรอตรวจสอบก่อน เพราะตามเงื่อนไขแล้ว นอกจากต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย การตั้งราคา กำหนดไว้ว่าราคาที่พักต้องไม่สูงกว่าราคาที่ผู้ประกอบการเสนอผ่านช่องทางของผู้ให้บริการจองที่พักและการท่องเที่ยวออนไลน์ หรือ OTA (Online Travel Agents) โดยมีข้อตกลงว่าจะไม่คิดค่าธรรมเนียม การกำหนดเงื่อนไขแบบนี้ผู้ประกอบการน่าจะปรับลดราคาลงได้ จากเดิมที่ขายผ่าน OTA มันจะมีค่าธรรมเนียม เมื่อไม่คิดค่าธรรมเนียมตรงนั้นแล้วก็เอามาลดให้ประชาชนคนไทยได้ไปเที่ยวกัน เราก็หวังว่าจะมีการลดราคาลงมาระดับหนึ่ง

ผู้ว่าการ ททท.กล่าวอีกว่า การขายที่พักโดยไม่ต้องผ่าน OTA ราคามันลดอยู่แล้ว เราไม่ได้ไปบอกให้เขาลดมากกว่านี้เลย ปกติต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ OTA ครั้งหนึ่ง 20-30% เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ก็เอาตรงนั้นมาเป็นส่วนลดให้พี่น้องประชาชน ไม่ใช่ขึ้นราคา เพื่อหวังจะได้ทั้งส่วนที่คนไทยจ่าย 60% และได้เงินสนับสนุนจากรัฐอีก แบบนี้ก็ไม่เป็นธรรมต่อโรงแรมอื่นที่ทำตามเงื่อนไข

พร้อมย้ำหนักแน่นว่า “สมมติข้อมูลที่เราตรวจสอบแล้ว มีการขึ้นราคาแบบไม่สมเหตุสมผล ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน คงต้องยกเลิกสิทธิการเข้าร่วมโครงการของโรงแรมนั้น ถ้ามีการรับเงินจองล่วงหน้าก็ต้องคืน ขึ้นแบล็กลิสต์ด้วย ในการเข้าร่วมโครงการของรัฐต่อไปหรือไม่ให้เข้าร่วมโครงการระยะที่ 2 และตัดสิทธิการส่งเสริมการตลาดของ ททท.ทั้งหมด” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายยุทธศักดิ์เชื่อว่า ถ้าหากมีก็คงเป็นผู้ประกอบการส่วนน้อยเท่านั้นที่ฉวยขึ้นราคา ซึ่งผู้บริโภคสามารถร้องเรียนเข้ามาได้ที่ ททท. โดยจะขอเวลาตรวจสอบ 3 วัน แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมผู้ประกอบการด้วย เพราะบางรายที่แพงขึ้นเพราะมีออปชันเพิ่มเติม

ล่าสุด ททท.จะมีการประชุมหารือกับสมาคมโรงแรมไทยในวันพฤหัสบดีนี้ (23 ก.ค.) เวลา 09.30 น. เพื่อหาทางแก้ไขและดำเนินการต่อเนื่อง


สำหรับความคืบหน้าผู้มาลงทะเบียนใช้สิทธิ์โครงการเที่ยวปันสุข ด้วยแพกเกจ เราเที่ยวด้วยกัน ผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตัวเลขตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. ถึงวันที่ 21 ก.ค. 2563 สิ้นสุดถึงเวลา 21.00 น. พบว่ามียอดผู้เข้ามาลงทะเบียนเข้าใช้สิทธิ์ “เราเที่ยวด้วยกัน” รวมประมาณ 4.33 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้ที่สามารถลงทะเบียนสำเร็จแล้วประมาณ 4.11 ล้านคน อยู่ระหว่างการรอทยอยแจ้งผลทางข้อความหรือเอสเอ็มเอสอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ลงทะเบียนเข้ามาอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องกับฐานข้อมูลกรมการปกครอง แต่พบว่ายังมีผู้ลงทะเบียนเข้ามาไม่สำเร็จประมาณ 2.2 แสนคน ซึ่งในกรณีนี้สามารถลงทะเบียนใหม่ได้จนกว่าจะทำได้สำเร็จ

ขณะที่ยอดการจองสิทธิ์ใช้บริการโรงแรมจำนวน 5 ล้านห้องพักต่อคืน ตัวเลขล่าสุดมียอดจองสิทธิ์แล้วประมาณ 142,591 ห้องต่อคืน และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วจำนวน 34,434 แห่ง แยกเป็น โรงแรม จำนวน 5,713 ราย เป็นร้านอาหาร จำนวน 27,593 ร้าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จำนวน 1,128 แห่ง ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจยังสามารถที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมได้ (ตัวเลขถึงวันที่ 21 กรกฎาคม)

ขณะที่เฟสที่ 1ยังไม่เสร็จสิ้น ก็มีความเคลื่อนไหวในเฟสที่ 2 ตามมาแบบติดๆ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟสที่ 2 จะเกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวไทยให้มีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือในรายละเอียดประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จากนี้ทางกระทรวงฯ จะนำเสนอเฟสที่ 2 ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ด้วยการสนับสนุนให้ท่องเที่ยวในเมืองรองและวันธรรมดา โดยคาดว่าจะให้ภาครัฐสนับสนุนจ่ายค่าที่พักให้มากกว่า 40% เพราะคาดว่าโครงการนี้อาจจะมีเงินเหลือจากวงเงิน 18,000 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นได้หารือกับนายกรัฐมนตรีแล้วท่านไม่ขัดข้อง


*** บิ๊กโรงแรมออกแคมเปญเด็ดแย่งลูกค้า
ด้านความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการโรงแรมรายใหญ่ก็ออกแคมเปญต่างๆ มารองรับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” อย่างคึกคัก จากการที่รัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายห้องพักโรงแรม 40% ต่อคืน สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน พร้อมเครดิตค่าใช้จ่าย 600 บาทต่อคืน สำหรับเป็นค่าอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ ระหว่างการเข้าพัก โดยสามารถรับสิทธิ์ได้สูงสุดไม่เกิน 5 คืน มีเชนโรงแรมและรีสอร์ตรายใหญ่เข้าร่วมมากมาย

นางสาวศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มดุสิตธานีได้เข้าร่วมแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยได้จัดโปรโมชันห้องพักราคาพิเศษ พร้อมมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกมากมายในช่วงวันธรรมดา (วันอาทิตย์-พฤหัสบดี) เมื่อจองผ่าน http://xn--www-3ml7h.dusit.com/ เช่น อัปเกรดห้องพักฟรี, ส่วนลดสปา 40% และส่วนลดอาหารและเครื่องดื่ม 20% โดยเปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2563 (ตามเงื่อนไขของโรงแรม)

สำหรับโรงแรมและรีสอร์ตในเครือดุสิตธานีที่เข้าร่วมโครงการ 'เราเที่ยวด้วยกัน' ของรัฐบาล รวมถึงจุดหมายปลายทางดังนี้ กรุงเทพฯ, พัทยา, หัวหิน, เขาใหญ่, กระบี่, เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยแคมเปญ 'เราเที่ยวด้วยกัน' รัฐบาลจะรองรับค่าใช้จ่ายห้องพักโรงแรม 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน และเข้าพักรวมทั้งหมดไม่เกิน 5 คืน และยังให้ E-Voucher มูลค่า 600 บาทต่อคืน สูงสุด 5 คืน สำหรับใช้เป็นส่วนลดในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มในห้องอาหารของโรงแรม หรือร้านค้าที่ร่วมรายการ


นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL กล่าวว่า ขณะนี้อัตราการเข้าพักโรงแรมของกลุ่มดีขึ้นประมาณ 40% หลังจากร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ส่งผลให้คาดว่าไตรมาสที่ 3 นี้จะมีกำไร หลังจากที่ไตรมาสที่ 2 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรง และคาดว่าอัตราการเข้าพักจะสูงถึงหรือมากกว่า 80% กลับมาเหมือนในปีที่แล้ว คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง น่าจะเป็นช่วงปลายปี 2564-2565

ด้านโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา จัดโปรโมชันราคาห้องพักสุดพิเศษทั่วไทยตลอดระยะเวลาสี่เดือนของโครงการฯ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ตุลาคม 2563 ในโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทาราภายใต้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ได้หลายแห่งทั่วไทยทั้งจุดหมายปลายทางที่เป็นรีสอร์ตในต่างจังหวัดและในเมือง รวมถึงโรงแรมหลักของเซ็นทาราที่เปิดให้บริการมาตลอดในช่วงที่ผ่านมาอย่างเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งนี้ เซ็นทาราได้กลับมาเปิดให้บริการแล้วหลายแห่งเพื่อตอบรับการฟื้นตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวในไทย เช่น โรงแรมมิราจในเครือเซ็นทรัล โรงแรมโคซี่พัทยา และกลางเดือนกรกฎาคมจะเปิดให้บริการที่ภูเก็ต หัวหิน และสมุย รวมถึงทุกโรงแรมในเครือเซ็นทรัลและที่มัลดีฟส์ด้วย คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการครบ 100% ภายในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้

นอกจากนี้ เซ็นทารายังได้จัดข้อเสนอสุดพิเศษอีกถึง 3 แคมเปญ เช่น โปรโมชัน “Stronger Together” ห้องพักราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 960 บาทต่อคืน และพิเศษยิ่งกว่าสำหรับการเข้าพักตั้งแต่ 4 คืนขึ้นไป จะได้รับฟรีแพกเกจอาหารเย็นตลอดการเข้าพัก อีกทั้งโปรโมชัน “Private Villa Escape” ด้วยส่วนลดสำหรับห้องพักประเภทพูลวิลลาที่มีสระน้ำส่วนตัว ราคาริ่มต้น 2,160 บาทต่อคืน พร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็น และท้ายสุดกับโปรโมชัน “Stay Happy & Healthy” ห้องพักราคาพิเศษพร้อมทางเลือกเพื่อดูแลสุขภาพมากมาย อย่างคอร์ส AcuRelax ทรีตเมนต์ 60 นาที สำหรับ 2 ท่าน และอุปกรณ์ออกกำลังกายภายในห้องพักเพื่อการออกกำลังกายแบบส่วนตัว


มร.โทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (เอเชีย) ของกลุ่ม ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในเครือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า ไมเนอร์ โฮเทลส์ เป็นบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมจำนวนมากกว่า 535 แห่ง ใน 56 ประเทศ โดยโรงแรมอนันตรา และโรงแรมอวานี ซึ่งเป็น 2 แบรนด์หลักของกลุ่มในไทยได้ทยอยเปิดให้บริการหลังจากที่รัฐบาลได้มีการคลายล็อกดาวน์ทั่วประเทศ พร้อมยกระดับมาตรฐานทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของโรงแรม

“หลังจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แล้วเรามียอดจองและการเข้าพักโรงแรมโดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่อยู่ระดับสูง หรือเกือบเต็มในวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดยาวที่ผ่านมา และเมื่อมีมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เข้ามาช่วยสนับสนุนแล้ว ยังช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยว เศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของไมเนอร์ โฮเทลส์ ในที่สุด” มร.โทมัสกล่าว

โรงแรมในเครือไมเนอร์ทั่วไทยยังได้เข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของรัฐบาล ที่ต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะสามารถรับสิทธิ์ในการรับส่วนลดที่พัก 40% หรือสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้อง ต่อคืน สูงสุด 5 ห้อง หรือ 5 คืน รวมถึงคูปองมูลค่า 600 บาทต่อวันเพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ ทางโรงแรมยังจัดโปรโมชัน พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย โดยสามารถสำรองห้องพักและใช้สิทธิ์ตามโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม-31 ตุลาคมนี้

นายเอมมานูเอล จู๊ด ดิลิปรัจ ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2563 โรงแรมในกลุ่มของไมเนอร์ประมาณ 370 แห่ง จากทั้งหมด 535 แห่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 69% ของทั้งหมด จะเปิดบริการแล้ว และคาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้โรงแรมจำนวนกว่า 90% ของกลุ่มจะกลับมาเปิดให้บริการได้ และมั่นใจว่าจากโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้กลับมาดีขึ้น และช่วยให้ผลการดำเนินงานโรงแรมในไทยของบริษัทดีขึ้นด้วย


นางสาวอาทร วนาสันตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม บี เค โฮเต็ล แอนด์ ทัวร์ริซึ่ม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงแรมในเครือเอ็มบีเค กรุ๊ป จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ โรงแรมลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา, โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท, โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส, ทินิดี โฮเต็ล แอท ระนอง, ทินิดี กอล์ฟ รีสอร์ท แอท ภูเก็ต และ ทินิดี โฮเต็ล แอท บางกอก กอล์ฟ คลับ ได้จัดแคมเปญส่งความสุข กระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านการเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”

โดยโรงแรมเครือเอ็มบีเค กรุ๊ป มอบสิทธิหลักๆ ในแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” ดังนี้ 1. โรงแรมลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เริ่มต้นสุทธิ 3,333 บาท พร้อมรถรับส่งสนามบินและเลือกเวลาเช็กอินและเช็กเอาต์ได้ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง (ไม่รวมอาหารเช้า) สำหรับ 100 ห้องแรกรับทันทีบัตรกำนัลมูลค่า 3,333 บาท

2. โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท หาดคลองม่วง จังหวัดกระบี่ เริ่มต้นสุทธิ 3,333 บาท เลือกเวลาเช็กอินและเช็กเอาต์ได้ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง (ไม่รวมอาหารเช้า) สำหรับ 100 ห้องแรกรับทันทีบัตรกำนัลมูลค่า 3,333 บาท

3. โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพมหานคร เริ่มต้นสุทธิ 3,333 บาท เลือกเวลาเช็กอินและเช็กเอาต์ได้ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง (ไม่รวมอาหารเช้า) สำหรับ 100 ห้องแรกรับทันทีบัตรกำนัลมูลค่า 3,333 บาท

4. ทินิดี โฮเต็ล แอท ระนอง อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เริ่มต้นสุทธิ 1,350 บาท รวมอาหารเช้า รถรับส่งสนามบิน ใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน ฟรี

5. ทินิดี กอล์ฟ รีสอร์ท แอท ภูเก็ต อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เริ่มต้นสุทธิ 1,350 บาท รวมอาหารเช้า ส่วนลดอาหารและเครื่องดื่ม 10% ที่ห้องอาหารล็อคเนส

6. ทินิดี โฮเต็ล แอท บางกอก กอล์ฟ คลับ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เริ่มต้นสุทธิ 1,350 บาท รวมอาหารเช้า ส่วนลดอาหารและเครื่องดื่ม 15% ที่ห้องอาหารคาเฟ่ นิดี ซึ่ง ทั้งมินิดี 3 แห่ง เลือกเวลาเช็กอินและเช็กเอาต์ได้ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง

ผู้สนใจเข้าร่วมแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของรัฐบาล จองและเข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.-31 ต.ค. 2563 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่รัฐบาลและโรงแรมกำหนด หรือจองได้ตั้งแต่วันนี้-31 ต.ค. 2563 สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน”

ด้านโรงแรม รีเจ้นท์ ชะอำ หัวหิน เปิดโซนใหม่ Family Wing ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ได้มาพักผ่อนกันทั้งครอบครัว เข้าร่วมแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” ถึง 31 ตุลาคม 2563 ที่ให้บริการห้องพักในราคาเริ่มต้นที่ 3,200-6,000 บาท (ราคาก่อนส่วนลดค่าที่พัก 40% จากภาครัฐ)

รายงานข่าวจากกลุ่มบริษัท พราว แจ้งว่า ได้เข้าร่วมโครงการ “เที่ยวปันสุข : เราเที่ยวด้วยกัน” ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม-31 ตุลาคม 2563 โดย 1. โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน ราคาเริ่มต้น 2,799 บาท รวมอาหารเช้า พร้อมเข้าสวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน ฟรี และส่วนลดอาหารเครื่องดื่ม 20% รวมถึงสปาเครดิต 500 บาท (สำหรับเข้าพักวันอาทิตย์ ถึงวันพฤหัสบดี)

2. โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ราคาเริ่มต้นที่ 4,500 บาท รวมอาหารเช้า พร้อมเข้าสวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน ฟรี และส่วนลดอาหารเครื่องดื่ม 20% รวมถึงสปาเครดิต 500 บาท (สำหรับเข้าพักวันอาทิตย์ ถึงวันพฤหัสบดี)

3. โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ราคาเริ่มต้นที่ 5,400 บาท รวมอาหารเช้า พร้อมสปาเครดิต 500 บาท นอกจากนี้ยังมีส่วนลดอาหารและเครื่องดื่มอีก 20% 4. สวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน ราคาค่าเข้าใช้บริการเริ่มต้นที่ 1,500 บาท โดยลูกค้าจะจ่ายเพียง 900 บาท ส่วนอีก 40% ที่เหลือ รัฐจะช่วยออกให้ผ่าน E-Voucher (ราคานี้จะรวมบัตรสวนน้ำ + VR Slide + ผ้าเช็ดตัว + ล็อกเกอร์ + แก้วดัมเบล + อาหาร)

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท พราว ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนคำขอบคุณจากใจ มอบราคาพิเศษให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ช่วยป้องกันการเเพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยการเข้าร่วมโครงการ “Holiday For Heroes” โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน ราคาเพียง 3,000 บาท, โรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ราคาเพียง 4,000 บาท, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ราคาเพียง 4,000 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น