ประธานวิสาหกิจชุมชน 10 แห่ง เตรียมตบเท้าเข้ากระทรวงพลังงานวันนี้ (23 ก.ค.) ยื่นหนังสือถึง “วิษณุ เครืองาม” ในฐานะรักษาราชการแทน รมว.พลังงาน ให้เร่งรัดโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนหวั่น “สนธิรัตน์” ไปแล้วถูกยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ม.ร.ว.วรากร วรวรรณ ประธานที่ปรึกษาวิสาหกิจชุมชน กลุ่มรักษ์ช้างรักษาป่าตะวันออก (ปม. ) เปิดเผยว่า วันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ประธานและตัวแทนจากวิสาหกิจชุมชนประมาณ 10 แห่งจากจังหวัดอุดรธานี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดจันทบุรี จะเดินทางมายังกระทรวงพลังงานเพื่อยื่นหนังสือถึงนายวิษณุ เครืองาม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้ดำเนินการเร่งรัดโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (Energy For All) โดยเร็ว
“ทางวิสาหกิจชุมชนที่สนใจร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจะเดินทางมาด้วยตนเอง ผมเป็นเพียงผู้ประสานงาน ชาวบ้านอยากมาให้ข้อมูลและมุมมองเพิ่มเติมให้ทุกฝ่ายได้รับทราบข้อเท็จจริง” ม.ร.ว.วรากรกล่าว
ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้วิสาหกิจชุมชนต่างกังวลว่าโครงการอาจจะล่าช้า เปลี่ยนแปลง หรือถูกยกเลิกในอนาคต อันจะส่งผลต่อความหวังของประชาชนสำหรับประโยชน์ที่จะได้รับส่วนแบ่งจากการขายไฟฟ้าในโครงการฯ อย่างยั่งยืน โดยไม่ได้พึ่งพางบประมาณจากราชการเลย ซึ่งประเมินขั้นต่ำราว 120 ล้านบาทสำหรับโครงการขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด 3 เมกะวัตต์ ในช่วงระยะเวลาสัญญาขายไฟ 20 ปี (หรือ 500,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 20 ปี) ต้องสูญหายไป และอาจจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกได้เลยในอนาคต
นายนที สิทธิประศาสน์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน (ด้านชีวมวล) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่ววว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็น รมว.พลังงานก็ตาม กลุ่มพลังานหวุนเวียนก็คาดหวังจะสานต่อโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เพราะเป็นโครงการที่ดีมาก เปิดมิติใหม่ของโรงไฟฟ้าที่ให้ชุมชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโครงการโดยตรง และหากล้มเลิกจะทำให้วิสาหกิจชุมชนหลายแห่งที่เตรียมแผนงานผิดหวังได้
“โครงการดังกล่าวเป็นมิติใหม่ที่จะร่วมกันกับชุมชน มีรายได้ที่เห็นชัด ที่ผ่านมาได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) แล้ว และมติ ครม.เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 63 ซึ่งรับทราบมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ 3 ด้าน โครงการนี้ก็เป็น 1 ใน 3 โครงการหลักที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วน นำร่องขนาด 3 MW ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โครงการ Quick Win 100 MW ประเภททั่วไป 600 MW” นายนทีกล่าว