"ส.อ.ท."เกาะติดนายกฯ ตั้งทีมเศรษฐกิจใหม่ หลังสี่กุมาร ลาออก หวังให้ชัดเจนโดยเร็วเพื่อเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้สะดุด เผยไตรมาส 3-4 งานหินศก.ไทยยังคงมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าเพียบ กำลังซื้ออ่อนแรงหลังมาตรการดูแลเริ่มหมด ส่งออกดิ่ง
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชน ยังคงติดตามเฝ้ารอการตั้งทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล หลังจากทีมสี่กุมารลาออก และพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะดำเนินการปรับครม. ให้เสร็จภายในเดือนส.ค.
ทั้งนี้หากเป็นไปได้ ก็ต้องการเห็นความชัดเจนโดยเร็ว เพราะระหว่างนี้อาจกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่ไม่ต่อเนื่อง และล่าช้าออกไป ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่ขณะนี้ยังคงอ่อนแอจากผลกระทบโควิด-19
" ยิ่งล่าช้าจะมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนศก.ให้เกิดความต่อเนื่อง ภาคเอกชนหวังว่าทีมศก.ใหม่ จะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป และที่สำคัญ ควรเป็นทีมที่จะสามารถทำงานแบบบูรณาการร่วมกันได้ เพราะที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างทำงาน และขึ้นตรงกับรองนายกฯ ที่เป็นคนของพรรคเดียวกันดังนั้นสิ่งนี้หากเป็นไปได้ หัวหน้าทีมศก.ชุดใหม่ สามารถบูรณาการทำงานร่วมกันได้กับกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด" นายเกรียงไกร กล่าว
ทั้งนี้ การปรับครม.ใหม่ หากปรับทีมศก. เฉพาะตำแหน่งที่ว่างจากการลาออก และต่างคนยังต่างทำงาน ก็อาจไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้มากนัก ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงควรปรับวิธีทำงานด้วย เพราะการบริหารศก.หลังจากนี้ มีความท้าทายพอสมควร แม้ว่าจุดต่ำสุดของศก.ไทย จะผ่านพ้นไปแล้วจากการต้องปิดเมือง (ล็อกดาวน์) แต่เม็ดเงิน ในการกระตุ้นที่ผ่านมาต่างๆ เริ่มจะทยอยหมด จำเป็นต้องฝากความหวังกับแผนกระตุ้นศก.เพิ่มเติม โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูศก.และสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท เนื่องจากผลกระทบซึ่งต้องการขับเคลื่อนให้ต่อเนื่องและทันเวลา
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ศก.ไทยไตรมาส 3-4 แม้ว่าจะดีขึ้นจากคลายล็อกดาวน์ และไทยควบคุมโควิด-19 ในประเทศเป็นไปด้วยดีในภาพรวม แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ระบาดรอบ 2 และในแง่ศก. ยังเผชิญความท้าทาย ถือเป็นงานหินที่ทีมศก.ชุดใหม่ต้องเร่งมาแก้ไขกับปัญหาของภาคธุรกิจ ที่ยังได้รับผลกระทบจากแรงซื้อในประเทศที่อ่อนแอ และ การส่งออกที่ชะลอตัว ที่ขณะนี้ธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องมากขึ้น
"งบฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ทีมเศรษฐกิจเดิมวางไว้เป็นสิ่งที่เอกชนเองก็ต้องติดตามว่าจะขับเคลื่อนได้ต่อเนื่องไหม เราก็กังวล และขับเคลื่อนแล้วได้ใช้ให้ตรงจุดและทันเวลาหรือไม่ เปรียบเทียบเอสเอ็มอี เหมือนคนที่ป่วยต้องใช้ออกซิเจนหายใจ แต่มีใช้แค่ 10 วัน แต่ 20 วันรัฐค่อยออกมาตรการมาช่วย ก็ถือว่าไม่ทันเวลาแล้วแบบนี้เราไม่อยากให้เกิดขึ้น" นายเกรียงไกร กล่าว
นายนที สิทธิประศาสน์ รองประธานด้านพลังงานชีวมวล กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส.อ.ท.กล่าวว่า นโยบายกระทรวงพลังงานว่าด้วยโรงไฟฟ้าชุมชนเป็นโครงการที่ยังเชื่อมั่นว่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นโครงการที่ดี ที่ทำให้เอกชนจับมือกับชุมชนที่จะสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นศก.ฐานราก ดังนั้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้รมว.พลังงาน คนใหม่สานต่อ
"ผมยังเชื่อว่าโครงการนี้จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะส่วนหนึ่งมติครม.ได้เห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูศก. และโรงไฟฟ้าชุมชนก็อยู่ในนั้น แต่โครงการนี้ผูกติดในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี-2018) ฉบับปรับปรุงใหม่ที่ต้องผ่านครม.ก่อน ซึ่งก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แม้ว่าบางฝ่ายอาจมองว่า โควิด-19 จะทำให้สำรองไฟฟ้าสูงขึ้น แต่โรงไฟฟ้าต้องมองในมิติการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้น ควรมองมุมกลับคือการกู้เศรษฐฏิจ" นายนที กล่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชน ยังคงติดตามเฝ้ารอการตั้งทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล หลังจากทีมสี่กุมารลาออก และพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะดำเนินการปรับครม. ให้เสร็จภายในเดือนส.ค.
ทั้งนี้หากเป็นไปได้ ก็ต้องการเห็นความชัดเจนโดยเร็ว เพราะระหว่างนี้อาจกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่ไม่ต่อเนื่อง และล่าช้าออกไป ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่ขณะนี้ยังคงอ่อนแอจากผลกระทบโควิด-19
" ยิ่งล่าช้าจะมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนศก.ให้เกิดความต่อเนื่อง ภาคเอกชนหวังว่าทีมศก.ใหม่ จะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป และที่สำคัญ ควรเป็นทีมที่จะสามารถทำงานแบบบูรณาการร่วมกันได้ เพราะที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างทำงาน และขึ้นตรงกับรองนายกฯ ที่เป็นคนของพรรคเดียวกันดังนั้นสิ่งนี้หากเป็นไปได้ หัวหน้าทีมศก.ชุดใหม่ สามารถบูรณาการทำงานร่วมกันได้กับกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด" นายเกรียงไกร กล่าว
ทั้งนี้ การปรับครม.ใหม่ หากปรับทีมศก. เฉพาะตำแหน่งที่ว่างจากการลาออก และต่างคนยังต่างทำงาน ก็อาจไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้มากนัก ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงควรปรับวิธีทำงานด้วย เพราะการบริหารศก.หลังจากนี้ มีความท้าทายพอสมควร แม้ว่าจุดต่ำสุดของศก.ไทย จะผ่านพ้นไปแล้วจากการต้องปิดเมือง (ล็อกดาวน์) แต่เม็ดเงิน ในการกระตุ้นที่ผ่านมาต่างๆ เริ่มจะทยอยหมด จำเป็นต้องฝากความหวังกับแผนกระตุ้นศก.เพิ่มเติม โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูศก.และสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท เนื่องจากผลกระทบซึ่งต้องการขับเคลื่อนให้ต่อเนื่องและทันเวลา
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ศก.ไทยไตรมาส 3-4 แม้ว่าจะดีขึ้นจากคลายล็อกดาวน์ และไทยควบคุมโควิด-19 ในประเทศเป็นไปด้วยดีในภาพรวม แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ระบาดรอบ 2 และในแง่ศก. ยังเผชิญความท้าทาย ถือเป็นงานหินที่ทีมศก.ชุดใหม่ต้องเร่งมาแก้ไขกับปัญหาของภาคธุรกิจ ที่ยังได้รับผลกระทบจากแรงซื้อในประเทศที่อ่อนแอ และ การส่งออกที่ชะลอตัว ที่ขณะนี้ธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องมากขึ้น
"งบฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ทีมเศรษฐกิจเดิมวางไว้เป็นสิ่งที่เอกชนเองก็ต้องติดตามว่าจะขับเคลื่อนได้ต่อเนื่องไหม เราก็กังวล และขับเคลื่อนแล้วได้ใช้ให้ตรงจุดและทันเวลาหรือไม่ เปรียบเทียบเอสเอ็มอี เหมือนคนที่ป่วยต้องใช้ออกซิเจนหายใจ แต่มีใช้แค่ 10 วัน แต่ 20 วันรัฐค่อยออกมาตรการมาช่วย ก็ถือว่าไม่ทันเวลาแล้วแบบนี้เราไม่อยากให้เกิดขึ้น" นายเกรียงไกร กล่าว
นายนที สิทธิประศาสน์ รองประธานด้านพลังงานชีวมวล กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส.อ.ท.กล่าวว่า นโยบายกระทรวงพลังงานว่าด้วยโรงไฟฟ้าชุมชนเป็นโครงการที่ยังเชื่อมั่นว่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นโครงการที่ดี ที่ทำให้เอกชนจับมือกับชุมชนที่จะสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นศก.ฐานราก ดังนั้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้รมว.พลังงาน คนใหม่สานต่อ
"ผมยังเชื่อว่าโครงการนี้จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะส่วนหนึ่งมติครม.ได้เห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูศก. และโรงไฟฟ้าชุมชนก็อยู่ในนั้น แต่โครงการนี้ผูกติดในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี-2018) ฉบับปรับปรุงใหม่ที่ต้องผ่านครม.ก่อน ซึ่งก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แม้ว่าบางฝ่ายอาจมองว่า โควิด-19 จะทำให้สำรองไฟฟ้าสูงขึ้น แต่โรงไฟฟ้าต้องมองในมิติการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้น ควรมองมุมกลับคือการกู้เศรษฐฏิจ" นายนที กล่าว