xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.ผวาสึนามิศก.แนะรัฐเร่งฟื้นกำลังซื้อ-อัดมาตรการช่วยเอสเอ็มอี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส.อ.ท.” จับตาเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังแม้คลายล็อกดาวน์ธุรกิจส่วนใหญ่กลับมาดำเนินการได้แต่กำลังซื้อลดลงสาหัสทั้งไทยและโลกหวั่นเอสเอ็มอีประคองตัวเองไม่รอดหากไม่รีบแก้ไขส่อเป็นสึนามิศก. ระดับรุนแรงได้จี้งบฟื้นฟูฯต้องคัดโครงการกระตุ้นศก.ให้ได้จริง

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูหลังโควิด-19 ส.อ.ท. เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ผู้บริหารส.อ.ท. นำโดยนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.ได้ระดมสมองในการปรับยุทธศาสตร์ของส.อ.ท.เพื่อตอบโจทย์ให้ภาคอุตสาหกรรมได้รับรู้ข่าวสารและแนวทางช่วยเหลือสมาชิกเพื่อรองรับผลกระทบหลังโควิด-19 ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้านซึ่งจากการหารือขณะนี้เอกชนยังคงกังวลเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ที่ไทยและโลกยังเผชิญกำลังซื้อที่ลดต่ำลงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ไม่อาจประคองตัวเองให้อยู่รอดได้และจะนำไปสู่สึนามิเศรษฐกิจในที่สุด

“ระยะสั้นเรากังวลเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเพราะแม้ว่าไทยและหลายประเทศเริ่มคลายล็อกดาวน์ทำให้กิจการส่วนใหญ่กลับมาเปิดได้แต่เศรษฐกิจที่ถดถอยทั้งไทยและโลกยังคงส่งผลต่อกำลังซื้อที่ลดต่ำ และโควิด-19ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด ไทยเองก็พึ่งพิงการส่งออก และท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจบางรายโดยเฉพาะเอสเอ็มอีอาจต้องปิดกิจการก็จะกระทบต่อเนื่องเป็นสึนามิเศรษฐกิจแต่จะรุนแรงระดับไหน 5 หรือ 9 ริกเตอร์ ส่วนหนึ่งจะมาจากมาตรการของรัฐในการดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ”นายเกรียงไกรกล่าว

ทั้งนี้ธุรกิจที่มีทุนสำรองมากพอ และธุรกิจที่เป็นไฮเทคโนโลยี ดิจิทัล สุขภาพ การแพทย์ อาหาร จะมีโอกาสรอดสูง ที่เหลือจะต้องปรับตัวอย่างเร็วเพื่อรับมือกับโลกที่จะเปลี่ยนหลังโควิด-19 ที่มีทั้งเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง(Disruptive Technology) และนโยบายของแต่ละประเทศที่จะเน้นพึ่งพาตนเองมากขึ้น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ดังนั้นมาตรการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงธุรกิจจึงเป็นเรื่องสำคัญโดยเห็นว่าจะต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเร่งด่วนทั้งการขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้ยาวเป็น 2 ปี การเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ การตลาด เทคโนโลยี และที่สำคัญคือการกระตุ้นแรงซื้อในประเทศเพื่อประคองธุรกิจโดยรวม

“ งบฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาทที่พ่วงอยู่ในงบพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาทเดิมนับเป็นอีกหนึ่งความหวังของเอกชนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้คงจะต้องติดตามใกล้ชิดเนื่องจากมีโครงการมายื่นขอสนับสนุนงบดังกล่าวสูงถึง 1.36 ล้านล้านบาทว่ารัฐจะคัดเลือกโครงการอะไรมาดำเนินการบ้างซึ่งเอกชนหวังว่าจะเป็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ผลจริงและให้ลงสู่ท้องถิ่นซึ่งรัฐจะต้องดำเนินการให้โปร่งใส โครงการที่ดำเนินการต้องต่อยอดความยั่งยืนให้ได้ ซึ่งหากที่สุดงบดังกล่าวกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลต่ำก็ย่อมไม่ได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไป”นายเกรียงไกรกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น