xs
xsm
sm
md
lg

กรมเจรจาฯ ชี้ “ซุปสำเร็จรูป” สินค้ามาแรงช่วงโควิด-19 เผยเอฟทีเอมีส่วนช่วยหนุน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยซุปสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าดาวรุ่งตัวใหม่ของไทย หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ยอดส่งออก 4 เดือนปี 63 มูลค่า 26.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 26% ชี้ตลาดที่ไทยมีเอฟทีเอขยายตัวได้ดี อาเซียนอันดับ 1 ตามด้วยออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ซุปสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป เช่น ซุปข้น ซุปเห็ด ซุปข้าวโพด ซุปไก่ ซุปปลา ซุปสำหรับเด็ก และซุปที่ต้องผสมน้ำร้อนก่อนรับประทาน กลายเป็นผลิตภัณฑ์แจ้งเกิดของไทย เพราะมีจุดเด่นของรสชาติอาหารไทยที่เป็นที่นิยมในต่างประเทศ และคนต้องการซื้อไปบริโภค เพื่อรองรับการเว้นระยะห่าง และรองรับการอยู่บ้านมากกว่าการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านของบางประเทศ ส่งผลให้การส่งออกของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 7 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ แคนาดา เซเนกัล ญี่ปุ่น และจีน

ทั้งนี้ ในปี 2562 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกซุปสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปไปตลาดโลกมูลค่า 64 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการส่งออกไปตลาดคู่ค้าเอฟทีเอมูลค่า 52 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนถึง 81.5% ของการส่งออกสินค้าซุปสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปทั้งหมดของไทย และในช่วง 4 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-เม.ย.) ไทยส่งออกซุปสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปไปตลาดโลกมูลค่า 26.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 26% อาเซียนเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่ง มีมูลค่าส่งออก 9.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 30% มีเมียนมา กัมพูชา และฟิลิปปินส์ เป็นตลาดส่งออกหลัก ส่วนตลาดส่งออกสำคัญรองลงมา คือ ออสเตรเลีย มูลค่า 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 15% ญี่ปุ่น มูลค่า 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 17% และฮ่องกง มูลค่า 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 43%

“ซุปสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป เป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย ซึ่งปัจจุบันไทยมีคู่เอฟทีเอ 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ที่ไม่เก็บภาษีนำเข้าจากไทยแล้ว เหลือเพียงเกาหลีใต้ที่ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้าอยู่ แต่ยังคงเก็บภาษีนำเข้าอาหารปรุงแต่งประเภทอื่นที่เป็นเนื้อเดียวกันที่ 24%”

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดสินค้าซุปสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปในประเทศจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มูลค่าตลาดในต่างประเทศมีขนาดใหญ่กว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายตลาดส่งออก ซึ่งในระยะยาวสินค้าซุปยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากตอบโจทย์ผู้บริโภคที่นิยมสินค้าพร้อมทาน และสอดรับกับวิถีชีวิตที่เร่งรีบ และในปัจจุบันผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมด้านการผลิตอาหารสำเร็จรูปให้มีคุณลักษณะเหมือนอาหารปรุงสด ทั้งรสชาติ เนื้อสัมผัส วัตถุดิบ และคุณค่าทางโภชนาการ จึงทำให้สินค้าไทยมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น