“พาณิชย์” เผย “สมุนไพรไทย” ทั้งฟ้าทะลายโจร ขิง กระเทียม หอมแดง มะนาว มีโอกาสเติบโตสูงหลังโควิด-19 เหตุคนนิยมบริโภคเพื่อป้องกันหวัด ส่วนสมุนไพรเดิม 4 ชนิด ขมิ้นชัน กระชายดำ ไพล ใบบัวบก ยังไปต่อได้ เหตุอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อาหารเสริมยังต้องการ แนะปลูกแบบอินทรีย์ ช่วยเพิ่มราคา ด้านการส่งออกต้องศึกษากฎระเบียบ อัตราภาษี เน้นเล่าเรื่องราว คุณประโยชน์ และอย่าลืมใช้สิทธิ์เอฟทีเอเบิกทาง
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ทำการศึกษาแนวโน้มตลาดสมุนไพรไทยหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบว่าสมุนไพรที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี เช่น ฟ้าทะลายโจร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสมุนไพรต้านหวัด และยังช่วยแก้ไข้ ร้อนใน ระงับการอักเสบของต่อมทอมซิล ขับเสมหะ แก้ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ และช่วยให้เจริญอาหาร ส่วนสมุนไพรอื่นๆ ที่ช่วยรักษาอาการหวัดได้ก็มีโอกาสเติบโตเช่นเดียวกัน เช่น ขิง ที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ลดความดันโลหิต กระเทียม ที่อุดมไปด้วยสารชีวภาพ หอมแดง มีสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และมะนาว ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี
สำหรับสมุนไพรเดิมที่อยู่ในแผนแม่บทเดิม 4 ชนิด คือ ขมิ้นชัน กระชายดำ ไพล ใบบัวบก ยังคงเติบโตได้ดี เพราะเป็นสมุนไพรที่ตลาดต้องการทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและการแพทย์ และอุตสาหกรรมอาหารที่มีการใช้สมุนไพรบางชนิดในรูปแบบของเครื่องเทศ
ส่วนปัจจัยที่ทำให้สมุนไพรมีโอกาสเติบโตมาจากแนวโน้มความต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ โดยในยุโรปอยากได้เครื่องปรุงที่มีส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เครื่องดื่มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสมุนไพร หรือในเอเชียและฝั่งตะวันออกก็มีความต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดเช่นเดียวกัน ทำให้ตลาดสมุนไพรไม่ใช่แค่ตัวสมุนไพรสดหรือแห้งอีกต่อไป แต่หากสามารถเพิ่มมูลค่าหรือใส่นวัตกรรมเข้าไปก็จะขยายตัวได้สูง และเพิ่มโอกาสในการส่งออกได้
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า ในการผลิตสมุนไพร เกษตรกรควรปรับกระบวนการเพาะปลูกให้เป็นอินทรีย์ หรือปลอดสารพิษเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สมุนไพร ส่วนผู้ประกอบการจะต้องมีการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็ง และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะช่วยเหลือด้านการตลาด ทั้งการชี้เป้าตลาดสำคัญของสมุนไพรไทย เงื่อนไข กฎ ระเบียบในการนำเข้าของแต่ละประเทศที่ผู้ส่งออกต้องศึกษา
ทั้งนี้ นอกจากการศึกษากฎ ระเบียบต่างๆ โดยละเอียดแล้ว จะต้องศึกษาในเรื่องภาษีนำเข้า แต่หากเป็นประเทศที่ไทยมีการทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ก็ควรจะใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอที่มีการปรับลดภาษีในสินค้ากลุ่มนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบให้แก่สมุนไพรไทย และที่สำคัญ ควรจะเน้นการบอกเล่าเรื่องราวและคุณประโยชน์ของสมุนไพรไทยว่าดีอย่างไร เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจและเพิ่มความต้องการบริโภคสมุนไพรไทยเพิ่มขึ้น