รอยเตอร์/วีเอ็นเอ็กซ์เพรส - หลังประกาศความสำเร็จในการควบคุมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เวียดนามกำลังวางตำแหน่งของประเทศเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับการดำเนินธุรกิจ และกำลังได้ประโยชน์จากความต้องการของผู้ผลิตต่างชาติที่มองหาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานนอกเหนือไปจากจีน
แม้เวียดนามจะมีประชากรมากกว่า 96 ล้านคนและมีพรมแดนติดกับจีน แต่กลับมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สะสมอยู่เพียง 288 คน และยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสนี้ ผลจากการควบคุมการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้อยู่บนเส้นทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ตามการระบุของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
“ด้วยการตอบสนองอย่างรวดเร็วของเวียดนามดังกล่าว เราคาดว่าการลงทุนจากต่างชาติจะหลั่งไหลเข้าสู่เวียดนามหลังการระบาด” บริษัท Kizuna Joint Development Corp ที่สร้างโรงงานพร้อมใช้ในเวียดนาม กล่าวกับรอยเตอร์
บริษัท Kizuna Joint Development Corp ที่มีฐานลูกค้าเป็นนักลงทุนชาวญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นส่วนใหญ่ ระบุว่า บริษัทกำลังเร่งดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงงานขนาด 100,000 ตารางเมตร ที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของเวียดนามให้เสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการหลังการระบาดของโรคจะเพิ่มสูงขึ้น
“พื้นที่โรงงานจะพร้อมใช้งานภายในเดือน ก.ค.นี้” บริษัท Kizuna ระบุ
ไมเคิล ซีเบิร์ก จากบริษัทที่ปรึกษา YCP Solidiance ระบุว่า ความสำเร็จของเวียดนามในการรับมือต่อการระบาดได้เพิ่มความมั่นใจให้แก่นักลงทุนต่างชาติในประเทศ
รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนามกล่าวในการประชุมออนไลน์ระหว่างนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก และธุรกิจต่างๆ เมื่อวันเสาร์ (9) ว่า การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพของประเทศจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุน และยังวางประเทศอยู่ในตำแหน่งใหม่บนเวทีโลก ช่วยบรรดาผู้ผลิตที่กำลังมองหาฐานการผลิตแห่งใหม่
“โอกาสเหล่านี้จะรวมถึงการย้ายการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มองหาความหลากหลายในห่วงโซ่อุปทานของตนเองไปยังพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเวียดนามเป็นหนึ่งในปลายทางแรกๆ เหล่านั้น” กระทรวงวางแผนระบุในคำแถลงบนเว็บไซต์รัฐบาล
ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจที่มีฐานในจีนหลายรายกำลังหาทางหลีกหนีค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นและผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน พวกเขามุ่งมองมาที่เวียดนาม และการบรรลุข้อตกลงทางการค้าต่างๆ ของประเทศ เช่น ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม ยังช่วยกระตุ้นการลงทุนอีกด้วย
รายงานของคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภา ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติกำลังพิจารณาการย้ายการลงทุนมาที่เวียดนามเนื่องจากความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของเวียดนามท่ามกลางการระบาด โดยบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ กำลังผลักดันให้การผลิตของพวกเขามีความหลากหลายขึ้นนอกเหนือไปจากการพึ่งพาจีน และบางบริษัทเลือกเวียดนามเป็นปลายทาง เช่น บริษัทแอปเปิล อิงค์ (Apple Inc.) วางแผนที่จะผลิตแอร์พอดส์ (AirPods) อุปกรณ์หูฟังไร้สายในเวียดนาม 3-4 ล้านเครื่อง หรือประมาณ 30% ของการผลิตแอร์พอดส์ทั้งหมด ในช่วงไตรมาสนี้ ตามการรายงานของนิตยสารนิกเกอิ เอเชียน รีวิว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แอร์พอดส์จะถูกผลิตในเวียดนาม ส่วนซัมซุงก็กำลังพิจารณาที่จะย้ายไลน์การผลิตบางส่วนของสมาร์ทโฟนรุ่นไฮเอนด์มายังเวียดนามเช่นกัน
ความสำเร็จของเวียดนามในการควบคุมการระบาด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินการตรวจหาเชื้อและการกักกันโรคคนหมู่มาก แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง มาตรการป้องกันที่เข้มงวดของทางการเหล่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อการลงทุนเช่นกัน แม้ฮานอยจะยกเว้นการกักตัวกับกลุ่มวิศวกรของซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ และผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันชาวต่างชาติ แต่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบริษัทต่างๆ ที่จะขยายกิจการอย่างรวดเร็ว
“รัฐบาลกำลังระมัดระวังซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้ามาลงนามข้อตกลงหรือเยี่ยมชมโรงงาน” ซามูเอล เพิร์ช จากบริษัทให้คำปรึกษาธุรกิจต่างชาติในเวียดนาม กล่าว
ผลสำรวจของรัฐบาล พบว่า 85.7% ของบริษัท 126,565 แห่งที่ดำเนินการสำรวจในเวียดนามระบุว่า พวกเขาได้รับผลกระทบเชิงลบจากการระบาดของโรค โดยบริษัทที่ดำเนินกิจการในภาคการบิน การท่องเที่ยว อาหาร และการศึกษาได้รับผลกระทบมากที่สุด
หลัง 5 ปีของการเติบโต การลงทุนจากต่างชาติในเวียดนามลดลง 15.5% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ที่ 12,300 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ แต่อย่างไรก็ตาม เวียดนามตั้งเป้าอัตราการเติบโตของจีดีพีไม่น้อยกว่า 5% ในปีนี้ แม้เป้าหมายดังกล่าวดูจะเป็นเรื่องยากในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญต่อภาวะถดถอย
แต่เฟร็ด เบิร์ก จากบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Baker McKenzie กล่าวว่า การตอบสนองต่อการระบาดได้สร้างความมั่นใจให้แก่ธุรกิจในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว
“ก่อนนี้เมื่อเผชิญต่อการระบาด ชาวต่างชาติมักจะกลับไปที่บ้านของพวกเขาในอเมริกาเหนือหรือยุโรป และแม้แต่เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ แต่เวลานี้ อัตราการเสียชีวิตสูงในภูมิภาคเหล่านั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยหรือปลอดภัยมากกว่าเมื่ออยู่ที่นี่” เบิร์ก กล่าว.