เอเจนซีส์ – “ทรัมป์”เผยจะไม่ต่อเวลาการประกาศใช้แนวทางรักษาระยะห่างทางสังคมทั่วสหรัฐฯ ที่หมดอายุลงในวันพฤหัสบดี (30 เม.ย.) ขณะที่ “อาเบะ” ส่งสัญญาณขยายมาตรการฉุกเฉินทั่วญี่ปุ่น ด้านเกาหลีใต้ประกาศข่าวดีไม่พบเคสใหม่ที่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศครั้งแรกในรอบ 72 วันนับจากไวรัสโคโรนาระบาด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันพุธ (29) ว่า รัฐบาลจะไม่ขยายเวลาประกาศใช้แนวทางการรักษาระยะห่างทางสังคม หลังจากครบกำหนดใช้ในวันพฤหัสฯ นอกจากนั้นเขายังบอกว่า จะเริ่มเดินทางออกตระเวนทั่วสหรัฐฯหลังจากกักตัวอยู่ในทำเนียบขาวเป็นส่วนใหญ่มากว่าเดือน โดยจะเริ่มต้นที่รัฐแอริโซนาในสัปดาห์หน้าและอาจไปโอไฮโอเร็วๆ นี้ แม้หลายรัฐทั่วอเมริกายังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์และห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็นก็ตาม
ผู้นำสหรัฐฯ ยังคาดหวังว่า จะกลับไปรณรงค์หาเสียงท่ามกลางผู้สนับสนุนนับพันนับหมื่นคนได้ในอีกไม่กี่เดือน แม้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ปรามว่า เมื่อถึงเวลานั้นโลกน่าจะยังไม่มีวัคซีนต่อต้านโควิด-19 ก็ตาม
ตามตัวเลขที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ นับถึงเวลา 20.00 น.วันพฤหัสฯ (เวลาเมืองไทย) อเมริกายังคงมีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสูงที่สุดในโลกคือกว่า 60,000 คน และกว่า 1.04 ล้านคนตามลำดับ โดยทรัมป์ระบุว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการเพิ่มการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพชี้ว่า อเมริกาต้องตรวจหาเชื้อเพื่อแยกผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการให้ได้วันละ 5 ล้านคน จึงจะสามารถยกเลิกการล็อกดาวน์ได้อย่างปลอดภัย ไม่เช่นนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อจะพุ่งทะยานใหม่หลังจากประชาชนกลับไปทำงานโดยไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้ออยู่หรือไม่
สำหรับที่อังกฤษ ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่รายงานในวันพุธพุ่งขึ้น 4,419 คน เป็น 26,097 คน สูงสุดอันดับ 2 ของยุโรปรองจากอิตาลี และเป็นอันดับ 3 ของโลก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลนับรวมผู้เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล ซึ่งรวมถึงสถานพักฟื้นคนชราด้วย
ส่วนรัสเซียมีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 100,000 คน และศูนย์รับมือวิกฤตไวรัสโคโรนารายงานในวันพฤหัสฯ ว่า พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 101 คน รวมเป็น 1,073 คน
ตรงข้ามกับเกาหลีใต้ที่รายงานในวันเดียวกันว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 72 วัน นับจากที่โรคนี้ระบาดครั้งแรกเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ดี มีผู้ติดเชื้อใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 10,765 คน และผู้เสียชีวิต 1 คน รวมเป็น 247 คน
ดินแดนอื่นๆ ในเอเชียที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดเช่นเดียวกันคือ ฮ่องกงที่ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 5 และวันที่ 4 สำหรับไต้หวัน
ความสำเร็จของเกาหลีใต้ที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดอันดับ 2 รองจากจีน มาจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างครอบคลุม รวมทั้งการติดตามผู้สัมผัสโรค และการเว้นระยะห่างทางสังคม
ด้วยจำนวนเคสใหม่ที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้เกาหลีใต้เดินหน้าจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 เมษายน และถือเป็นประเทศแรกที่จัดการเลือกตั้งนับจากโรคระบาดใหญ่ระดับโลกอุบัติขึ้น
การเลือกตั้งดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้มาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เช่น การบังคับให้ผู้ลงคะแนนสวมหน้ากากและถุงมือ ซึ่งผลปรากฏว่า มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์มากที่สุดในหนึ่งชั่วอายุคน และยังทำให้พรรคเดโมเครติกของประธานาธิบดีมุน แจอินครองเสียงข้างมากในสภา ซึ่งถือเป็นการแสดงการยอมรับของประชาชนต่อความสำเร็จในการรับมือโรคระบาดของรัฐบาล
ที่ญี่ปุ่น สื่อท้องถิ่นพากันคาดหมายว่า นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ เตรียมต่อเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีกหนึ่งเดือนหรือจนถึงต้นเดือนมิถุนายน หลังจากวันพฤหัสฯ ผู้นำญี่ปุ่นแถลงในรัฐสภาว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศยังคงเผชิญสถานการณ์ที่หนักหน่วงแสนสาหัส และตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด
ทั้งนี้ สถานการณ์ฉุกเฉินที่แรกเริ่มเดิมทีบังคับใช้เฉพาะในโตเกียวและอีก 6 จังหวัด ก่อนที่รัฐบาลจะขยายผลครอบคลุมทั่วประเทศเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น จะครบกำหนดในสัปดาห์หน้าหลังเทศกาลวันหยุดยาวประจำปี
สื่อท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงนิกเกอิ รายงานว่า รัฐบาลอาจเรียกประชุมหารือคณะผู้เชี่ยวชาญในวันศุกร์ (1) และสำทับว่า ผู้เชี่ยวชาญสนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการให้รัฐบาลต่อเวลาสถานการณ์ฉุกเฉิน
อย่างไรก็ดี การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของญี่ปุ่นมีอำนาจตามกฎหมายเพียงจำกัด โดยอนุญาตให้ผู้ว่าการแต่ละจังหวัดเรียกร้องให้ประชาชนงดออกจากบ้าน และขอให้ธุรกิจปิดทำการ แต่ไม่มีบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน
กระนั้น โทรุ คาคุตะ รองนายกสมาคมการแพทย์โตเกียว ระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีผลโน้มน้าวให้ประชาชนกักตัวในบ้าน และญี่ปุ่นควรต่อเวลาคำสั่งนี้เพื่อรับมือการระบาดรอบสองหรือรอบสามที่อาจเกิดขึ้น
ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อสะสมประมาณ 14,000 คน และเสียชีวิต 415 คน