เอเจนซีส์ - บางประเทศในยุโรปที่ไวรัสโคโรนาเคยระบาดหนักหน่วง เริ่มขั้นตอนเพื่อกลับสู่สภาวะปกติเมื่อวันจันทร์ (20 เม.ย.) โดยเยอรมนีอนุญาตให้ร้านค้าบางประเภทเปิดให้บริการอีกครั้ง ขณะที่แถบเอเชีย ฮ่องกงประกาศข่าวดีไม่พบเคสใหม่ครั้งแรกนับจากต้นเดือนมีนาคม ตรงข้ามกับสิงคโปร์ที่ทำสถิติผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดในวันเดียวถึงกว่า 1,400 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 8,014 คน สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รัฐบาลทั่วโลกกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับวิธีการและกำหนดเวลาในการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ครอบคลุมมนุษยชาติถึงครึ่งโลก หรือราว 4,500 ล้านคน เพื่อหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 165,000 คน ซึ่งราว 2 ใน 3 หรือประมาณ 100,000 คนอยู่ในยุโรป
กระนั้น ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มปรากฏสัญญาณที่ดีในภูมิภาคนี้ เมื่อยอดผู้เสียชีวิตรายวันลดลงทั้งในอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และ อังกฤษ
เยอรมนีที่ถือเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดมากที่สุดในยุโรป เริ่มอนุญาตให้ร้านค้าขนาดเล็กเปิดค้าขายอีกครั้ง ตั้งแต่วันจันทร์ ส่วนร้านขนาดใหญ่ในเมืองสำคัญจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเวลาต่อไป ตามแผนการกลับสู่สภาวะปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่โรงเรียนนั้นจะเปิดได้ตั้งแต่วันที่ 4 เดือนหน้า
ขณะที่นอร์เวย์อนุญาตให้สถานรับเลี้ยงเด็กเปิดให้บริการขึ้นใหม่ในวันจันทร์ เช่นเดียวกับสเปนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักและตัดสินใจขยายมาตรการล็อกดาวน์ออกไป แต่ก็เผยว่า จะผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้เด็กออกไปนอกบ้านได้
วันอาทิตย์ (19) สเปนรายงานผู้เสียชีวิต 410 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน และ เฟอร์นันโด ไซมอน ผู้ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุข ชี้ว่า เป็นสัญญาณแห่งความหวัง
สำหรับฝรั่งเศสระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศที่บังคับใช้มานานหนึ่งเดือนเริ่มส่งผล
ส่วนนอกทวีปยุโรป นิวซีแลนด์ซึ่งคุยได้ว่าประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นการระบาด นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น แถลงว่า จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในสัปดาห์หน้า
ที่สหรัฐฯ ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในโลกเวลานี้ แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ประกาศว่า การระบาดเริ่มซาลงแล้ว แต่สำทับว่า ยังไม่ใช่เวลาที่จะมั่นใจเกินไป พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อากาศที่อุ่นขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ประชาชนออกนอกบ้านไปพักผ่อนในสวนสาธารณะกันมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ถึงแม้อเมริกายังคงมีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อกว่า 759,000 คน และเสียชีวิตเกือบ 41,000 คน แต่ก็เริ่มมีประชาชนออกมาคัดค้านคำสั่งงดออกจากบ้านมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการชุมนุมในรัฐโคโรลาโด เทกซัส แมรี่แลนด์ นิวแฮมเชียร์ และโอไฮโอ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่
ที่บราซิล ประธานาธิบดี จาอีร์ โบลโซนาโร เดินตามรอยทรัมป์ ด้วยการร่วมกับผู้ชุมนุมหลายร้อยคนในเมืองบราซิเลีย ต่อต้านคำสั่งห้ามประชาชนออกจากบ้านของผู้ว่าการรัฐต่างๆ
บราซิลเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในละตินอเมริกา ด้วยตัวเลขกว่า 100,000 คน และยอดผู้เสียชีวิตเกือบ 5,000 คน
ทางแถบเอเชีย สิงคโปร์รายงานในวันจันทร์ ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบวันเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ 1,426 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 8,014 คน สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ผู้เสียชีวิตมี 11 คน
ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ดูเหมือนประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาด จากการใช้มาตรการตรวจหาผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสโรคอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ดี เคสใหม่ๆ ที่พบในช่วงหลังๆ ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับพวกแรงงานต่างชาติซึ่งพำนักอาศัยกันอย่างแออัด
ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นในการระบาดรอบสอง เริ่มต้นหลังจากทางการเริ่มออกตรวจเขตที่อยู่อาศัยของแรงงานต่างด้าว โดยที่แรงงานเหล่านี้จำนวนมากเป็นคนงานก่อสร้างจากเอเชียใต้
นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง เตือนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า จำนวนแรงงานต่างชาติที่ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการขยายการตรวจหาผู้ติดเชื้อ และคงใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าที่มาตรการนี้จะเห็นผลในการยับยั้งการระบาด
เดือนนี้สิงคโปร์ยังยกระดับมาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดการระบาด ซึ่งรวมถึงการปิดโรงเรียนและแนะนำให้ประชาชนงดออกจากบ้าน นับจากนั้นพบว่า จำนวนเคสใหม่ในหมู่ชาวสิงคโปร์ลดลง โดยจากตัวเลขที่รายงานในวันจันทร์ มี 16 เคสเท่านั้น ที่เป็นพลเมืองหรือผู้ได้รับสถานะพำนักถาวร
ด้านฮ่องกง ประกาศข่าวดีในวันจันทร์ว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่เป็นวันแรกนับจากต้นเดือนมีนาคม กระนั้น ทางการยังเรียกร้องให้ประชาชนรักษาสุขอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นอย่างเคร่งครัด