สสว.กางผลสำรวจ SME พบวิกฤตโควิด-19 ฉุดผู้ประกอบการ SME กว่า 87% หรือ 2,315 ราย มีรายได้ลดลง แถมยังพบว่า SME 33.5% ยังไม่มีแผนปรับตัว แนะรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้น เช่น เพิ่มมาตรการลดหย่อนภาษี สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การผ่อนผันชำระหนี้
น.ส.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว.ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (SME) ในเรื่องการปรับตัวและมาตรการ SME ในภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19 ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 จากผู้ประกอบการ SME ทั่วประเทศ จำนวน 2,655 ราย ใน 21 สาขา จากผลสำรวจพบว่ายอดขายของกิจการในเดือนมีนาคม 2563 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2562 กิจการส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วน 87.2% หรือมีจำนวนมากถึง 2,315 ราย ตอบว่ามียอดขายลดลง ซึ่งมี SME สัดส่วนถึง 27.6% มีรายได้ลดลงน้อยกว่า 20% SME 27.3% มีรายได้ลดลง 21-40% SME 20% มีรายได้ลดลง 41-60% SME 8.5% มีรายได้ลดลง 61-80% และ SME 3.8% มีรายได้ลงลงมากกว่า 80% โดยสาขาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ร้านอาหารที่ยังไม่เข้าร่วมดีลิเวอรี และอุปโภคบริโภคดั้งเดิม
นอกจากนี้ ได้มีการสอบถามผู้ประกอบการ SME ในเรื่องของการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการ SME ที่มียอดขายลดลงทั้ง 2,315 ราย ส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนในการปรับตัวคิดเป็นสัดส่วน 33.5% รองลงมาคือ การลดต้นทุนทางธุรกิจ คิดเป็นสัดส่วน 18.8% เพิ่มช่องทางการตลาด เช่น ออนไลน์ และดีลิเวอรี คิดเป็นสัดส่วน 12.8% หยุดกิจการชั่วคราว 8.5% จัดโปรโมชัน 6.2% ลดจำนวนแรงงานและลดเงินเดือน 5.4% เปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่นหรือหารายได้เสริม 4.7% ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดอื่นๆ 3.8% ปรับราคาสินค้าและบริการ 3.7% ปรับไปตามแต่ละสถานการณ์ 1.4% และอื่นๆ 1.2%
“จากผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ถึง 33.5% ยังไม่มีแผนปรับตัวรับวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงอาจจะไม่สามารถปรับตัวให้รอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ดังนั้น สสว.จะให้ศูนย์บริการเอสเอ็มอีครบวงจร (OSS) ทั่วประเทศ 77 จังหวัดทำการสำรวจและรับข้อร้องเรียนจากผู้ประกอบการเพื่อเข้าไปช่วยเหลือ SME รวมถึงส่งต่อผู้ประกอบการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ต่อไป” น.ส.วิมลกานต์กล่าว
สำหรับมาตรการที่ผู้ประกอบการ SME เห็นว่าสามารถช่วยธุรกิจ SME ในสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีที่สุด พบว่ามาตรการที่ผู้ประกอบการ SME ต้องการมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1. การลดหย่อนภาษี คิดเป็นสัดส่วน 19.7% 2. ควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คิดเป็นสัดส่วน 14.4% 3. ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ คิดเป็นสัดส่วน 10.2% 4. ผ่อนผันระยะเวลาการชำระหนี้ คิดเป็นสัดส่วน 8.2% และ 5. ลด/เลื่อนค่าสาธารณูปโภค คิดเป็นสัดส่วน 6.1%
ขณะที่มาตรการช่วยเหลือ SME ที่รัฐบาลได้ประกาศออกมา 12 มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกรณีวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระยะที่ 1 จากผลสำรวจพบว่า 7 อันดับแรกที่ผู้ประกอบการชอบมากที่สุด ได้แก่ 1. มาตรการพักเงินต้น ลดดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระหนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ คิดเป็นสัดส่วน 19% 2. มาตรการลดและเลื่อนจ่ายค่าน้ำค่าไฟ คิดเป็นสัดส่วน 16.7% 3. มาตรการปล่อยกู้ ดอกเบี้ย 2% เวลา 2 ปี ไม่เกิน 20 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16% 4. มาตรการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ คิดเป็นสัดส่วน 11.8% 5. มาตรการลด เลื่อน ชะลอ การเก็บค่าธรรมเนียม ค่าเช่าที่จ่ายให้ภาครัฐ คิดเป็นสัดส่วน 8.5% 6. มาตรการเร่งคืน VAT ให้ผู้ประกอบการภายในประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 5.8% และ 7. มาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณ คิดเป็นสัดส่วน 4.5%
“สสว.จะนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอของเอสเอ็มอีทั้งหมดไปประมวลรวบรวมเพื่อปรับปรุงมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ จากนั้นจะนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อออกเป็นมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ต่อไป” น.ส.วิมลกานต์กล่าว