“คลัง” ให้ “ออมสิน” อัดฉีดซอฟต์โลน์วงเงิน 8.5 หมื่นล้าน หนุน “นอนแบงก์” พักหนี้เงินต้น-ดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ยาว 6 เดือน ขณะเดียวกันออมสินยังเตรียมดึงซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาท ที่เคยเตรียมไว้ให้แบงก์กู้กลับคืน เหตุ ธปท. ออกซอฟต์โลนใหม่รวม 5 แสนล้านบาท และกำหนดเงื่อนไขปล่อยกู้ที่ดีกว่าให้แบงก์แล้ว
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ (ซอฟต์โลน) แก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) เพื่แสนับสนุนให้ผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวสามารถประกาศนโยบายพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยแก่งูกหนี้ของตนเป็นเวลา 6 เดือนได้ว่า กระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อซอฟต์โลนวงเงินรวม 8.5 หมื่นล้านบาทจากสินเชื่อซอฟต์โลนรวมทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งกำหนดเงื่อนไขคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.01% ให้แก่กลุ่มผุ้ประกอบการสินเชื่อนอนแบงก์ด้วย โดยกลุ่มนอนแบงก์จะสามารถใช้สินเชื่อนี้ได้ในลักษณะเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ ใช้บริการจากธนาคารออมสินด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้มีการหารือร่วมกับสมาชิกของสมาคมลิสซิ่งไทยจำนวน 33 บริษัท สมาคมเช่าซื้อไทย ชมรมบัตรเครดิต และชมรมสินเชื่อส่วนบุคคลในเวลานี้ว่า เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) สามารถพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ของตนได้ในเวลา 6 เดือน เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์เอกชนและธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนเป็นจำนวนมากที่ได้รับผลกรทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เรียกร้องให้กลุ่มนอนแบงก์ดำเนินนโยบายพักหนี้ให้ลูกหนี้ของตน
โดยกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจนอนแบงก์ ยืนยันว่า ยินดีที่จะประกาศพักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้ตามนโยบายของรัฐบาล หากรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ (ซอฟต์โลน) ให้แล้ว กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจนอนแบงก์ให้ลูกหนี้สามารถพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยได้ โดยไม่มีนโยบายที่จะเข้ายึดรถหรือมอเตอร์ไซค์ของลูกหนี้รายใดด้วย เนื่องจากรายได้ของกลุ่มนอนแบงก์จะมาจากดอกเบี้ย แต่หากต้องดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลแล้วบริษัทจะขาดรายได้ทั้งหมดในช่วยลงที่ต้องให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้
ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ก. การสนับสนุนสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องพักชำระหนี้และลดดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท ไม่ต้องชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย โดยจะไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต ดังนั้น เมื่อมีการออกกฎหมายดังกล่าวแล้ว ลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 6 เดือน เนื่องจากเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี อีกทั้งยังมีกฎหมายที่รองรับไว้อย่างชัดเจน ซึ่งความร่วมมือของธนาคารพาิณิชย์ในครั้งนี้จะมีความแตกต่างจากความร่วมมือในครั้งที่ผ่านๆ มาที่ธนาคารบางแห่งจะไม่ค่อยยอมให้ความร่วมมือมากนัก
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ (ซอฟต์โลน) แก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) เพื่แสนับสนุนให้ผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวสามารถประกาศนโยบายพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยแก่งูกหนี้ของตนเป็นเวลา 6 เดือนได้ว่า กระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อซอฟต์โลนวงเงินรวม 8.5 หมื่นล้านบาทจากสินเชื่อซอฟต์โลนรวมทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งกำหนดเงื่อนไขคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.01% ให้แก่กลุ่มผุ้ประกอบการสินเชื่อนอนแบงก์ด้วย โดยกลุ่มนอนแบงก์จะสามารถใช้สินเชื่อนี้ได้ในลักษณะเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ ใช้บริการจากธนาคารออมสินด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้มีการหารือร่วมกับสมาชิกของสมาคมลิสซิ่งไทยจำนวน 33 บริษัท สมาคมเช่าซื้อไทย ชมรมบัตรเครดิต และชมรมสินเชื่อส่วนบุคคลในเวลานี้ว่า เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) สามารถพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ของตนได้ในเวลา 6 เดือน เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์เอกชนและธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนเป็นจำนวนมากที่ได้รับผลกรทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เรียกร้องให้กลุ่มนอนแบงก์ดำเนินนโยบายพักหนี้ให้ลูกหนี้ของตน
โดยกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจนอนแบงก์ ยืนยันว่า ยินดีที่จะประกาศพักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้ตามนโยบายของรัฐบาล หากรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ (ซอฟต์โลน) ให้แล้ว กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจนอนแบงก์ให้ลูกหนี้สามารถพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยได้ โดยไม่มีนโยบายที่จะเข้ายึดรถหรือมอเตอร์ไซค์ของลูกหนี้รายใดด้วย เนื่องจากรายได้ของกลุ่มนอนแบงก์จะมาจากดอกเบี้ย แต่หากต้องดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลแล้วบริษัทจะขาดรายได้ทั้งหมดในช่วยลงที่ต้องให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้
ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ก. การสนับสนุนสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องพักชำระหนี้และลดดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท ไม่ต้องชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย โดยจะไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต ดังนั้น เมื่อมีการออกกฎหมายดังกล่าวแล้ว ลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 6 เดือน เนื่องจากเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี อีกทั้งยังมีกฎหมายที่รองรับไว้อย่างชัดเจน ซึ่งความร่วมมือของธนาคารพาิณิชย์ในครั้งนี้จะมีความแตกต่างจากความร่วมมือในครั้งที่ผ่านๆ มาที่ธนาคารบางแห่งจะไม่ค่อยยอมให้ความร่วมมือมากนัก