ธสน. ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกเพิ่มเติม โดยเปิดคลินิกให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่ SMEs พร้อมกำหนดมาตรการอัดฉีดเงินกู้ส่งเสริมการจ้างงาน โดยกำหนดวงเงินปล่อยสินเชื่อสูงสุดรายละ 15 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 3% ภายใต้เงื่อนไขระยะเวลาในการปล่อยกู้สูงสุด 7 ปีด้วย หลังจากที่ก่อนหน้าเคยผลักดันหลากหลายมาตรการช่วยบรรเทาผู้ได้รับกระทบการแพ่รระบาดของโควิด-19 ให้ลูกค้่าไปแล้ว
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) กล่าวถึงการจัดทำมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ขณะที่ SMEs อาจมีฐานทุนน้อยและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างมาก
ดังนั้น ธสน. จึงได้ออกมาตรการเปิดคลินิกเพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้ส่งออกทางโทรศัพท์ เพื่อให้คำปรึกษาและข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน จัดแพกเกจและมาตรการช่วยเหลือทางการเงินที่เหมาะสมกับธุรกิจของผู้ติดต่อเข้ามา โดยเฉพาะ SMEs รวมทั้งยังให้คำปรึกษาด้านการเงินทางโทรศัพท์และจัดโครงการฝึกอบรมออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและขยายเครือข่ายธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดยผู้สนใจขอรับความช่วยเหลือสามารถติดต่อธนาคารฯ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2617-2111 ต่อ 3510
นอกจากนี้ ธสน. ยังได้มีการจัดทำสินเชื่อส่งเสริมการจ้างงาน โดยกำหนดวงเงินปล่อยสินเชื่อสูงสุด 15 ล้านบาท/ราย อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 3% ภายใต้เงื่อนไขระยะเวลาในการปล่อยกู้สูงสุด 7 ปีด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า ธสน. เคยออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุนจากผลกระทบโควิด-19 ไปแล้ว ซึ่งจะประกอบไปด้วย มาตรการที่ 1 คือ พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้า ธสน. ที่มีวงเงินสินเชื่อทั้งระยะยาวและระยะสั้น
มาตรการที่ 2 ขยายเงื่อนไขบริการประกันการส่งออก โดยขยายระยะเวลาการชำระเงินที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 270 วัน แก่ผู้ส่งออกที่มีประกันการส่งออกของ ธสน. และส่งออกไปประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ฟรีคุ้มครองการส่งออกสินค้าเน่าเสียง่ายไปจีนสูงสุด 50% ของมูลค่าใบกำกับสินค้า และลดระยะเวลาพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีผู้ซื้อไม่รับมอบสินค้า
มาตรการที่ 3 สนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยมีสินเชื่อระยะยาว 7 ปี สำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วไป วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปีในปีที่ 1-2 นำไปใช้หมุนเวียนในกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุน ซึ่งได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากโควิด-19
ขณะเดียวกัน ยังจัดทำสินเชื่อระยะสั้น 2 ปี สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท วงเงินสูงสุด 20% ของยอดหนี้คงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2562 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปี ฟรีดอกเบี้ย 6 เดือน นำไปใช้หมุนเวียนในกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุน ซึ่งได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากโควิด-19
ส่วนสินเชื่อระยะยาว 7 ปี สำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วไปในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปีในปีที่ 1-2 นำไปใช้ซื้อหรือปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ หรือต่อเติมปรับปรุงโรงงาน ขณะที่สินเชื่อส่งเสริมการจ้างงาน วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 3% ต่อปี ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี