ธสน. ประกาศพักชำระหนี้และดอกเบี้ย 6 เดือน สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งยังอัดฉีดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 2% เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม กำหนดเงื่อนไขระยะเวลาชำระคืน 7 ปี วงเงินสินเชื่อตั้งแต่ 20-100 ล้านบาท แต่หากในระยะต่อไปยังลูกค้ารายใดต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากมาตรการที่มีอยู่แล้ว ธสน.จะรับพิจารณาโดยเร่งด่วนเป็นรายกรณี
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจส่งออกและลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งที่เป็นลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้า ธสน. ได้เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แก่ผู้ประกอบการทุกกลุ่ม โดยติดต่อไปยังลูกค้าทุกรายและตั้งทีมดูแล รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกค้า
กลุ่มแรกคือลูกค้า ธสน. ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม สามารถพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ ธสน. ติดต่อไปยังลูกค้าโดยตรงทุกราย ตั้งแต่เดือน ก.พ.63 จนถึงปัจจุบัน อนุมัติแล้วกว่า 1,400 ราย วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท และหากมีประกันการส่งออกและส่งออกไปยังผู้ซื้อในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) สามารถขยายระยะเวลาชำระเงินที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 270 วัน ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าทยอยมาขอรับการช่วยเหลือเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ
กลุ่มที่สอง ผู้ประกอบการทั้งที่เป็นลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้า ธสน. สามารถขอสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำได้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก โดยกำหนดวงเงินกู้สูงสุดที่ 20 ล้านบาท ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปีในปีที่ 1-2 หลังจากนั้น เป็นอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน Prime Rate -1.25% และ Prime Rate -0.25% ในปีที่ 3-4 และปีที่ 5-7 ตามลำดับ รวมทั้งยังฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน บสย. 2 ปีแรก และฟรีค่าธรรมเนียม Front-end Fee
ส่วนในกรณีที่ต้องการวงเงินเกิน 20 ล้านบาท ธสน. มีมาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรองรับให้แก่ผู้ประกอบการในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นสินเชื่อระยะยาว 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปีในปีที่ 1-2 วงเงินสูงสุดถึง 100 ล้านบาท ลูกค้าและผู้ประกอบการที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์มายัง ธสน.
กรรมการผู้จัดการ ธสน. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและติดต่อไปยังลูกค้าทุกรายของธนาคาร เพื่อสอบถามความต้องการการสนับสนุนหรือความช่วยเหลือจากธนาคาร รวมทั้งยังได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าและผู้ประกอบการไทย และส่งข้อความ SMEs มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบของโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทย นอกเหนือจากการนำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR MLR และ MRR หรือ Prime Rate โดยปัจจุบันอยู่ที่ 5.75% ต่อปี ต่ำที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ เพื่อลดต้นทุนของผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ในระยะถัดไปหากพบว่าลูกค้าหรือผู้ประกอบการรายใดต้องการความช่วยเหลือจาก ธสน. เพิ่มเติมจากมาตรการที่มีอยู่ ธนาคารฯ ยินดีที่จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วนเป็นรายกรณี