xs
xsm
sm
md
lg

“แกร็บ” ยอมถอยหลังโดนถล่ม ลดค่าคอมมิชชั่นจาก 35% เหลือ 30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - แกร็บฝ่าวิกฤตโควิด-19 ผ่านโครงการ “แกร็บแคร์” (GrabCares) #เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ช่วยเหลือกับ 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ พาร์ตเนอร์ร้านอาหาร หน่วยงานราชการและบุคลากรทางการแพทย์ คนขับ-จัดส่งอาหาร-ผู้ใช้บริการ ด้วย “ลดค่าคอมมิชชันร้านอาหารจาก 35% เป็น 30%, เร่งขั้นตอนเปิดร้านบนแกร็บฟู้ดใน 7-10 วัน, รับคนจัดส่ง 64,000 อัตรา, ให้พาร์ตเนอร์คนขับจัดส่งอาหารด้วยรถยนต์ได้”

นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ในปัจจุบันไม่เพียงแต่จะสร้างความวิตกกังวลให้แก่ทุกคน แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแกร็บได้เฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเราได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรายวัน โดยทีมงานของเราทำงานกันอย่างหนักต่อเนื่อง พร้อมดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและส่งเสริมสุขอนามัยของผู้ที่เกี่ยวข้องในวงจรธุรกิจของแกร็บ

ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทยได้เปิดตัวโครงการ แกร็บแคร์ (GrabCares) #เราจะผ่านมันไปด้วยกัน โดยประกาศมาตรการในการรับมือ รวมถึงแนวทางสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ 4 กลุ่มเป้าหมายหลักซึ่งเราได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น พร้อมร่วมให้กำลังใจคนไทยให้สามารถต่อสู้และฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน


กลุ่มที่ 1 : พาร์ตเนอร์ร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อย
1.1) ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการสร้างรายได้ผ่านการขายอาหารกับแกร็บฟู้ด
• ปรับลดเพดานค่าคอมมิชชันสำหรับพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร (ไม่รวม GrabKitchen) สูงสุดจาก 35% เป็น 30% ครอบคลุมทั้งร้านค้าเดิมและร้านค้าใหม่ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป
• ปรับปรุงระบบและกระบวนการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับสมัครพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร โดยใช้การรับสมัครผ่านทางเว็บไซต์ https://www.grabmerchantth.com พร้อมเพิ่มจำนวนทีมงานมากขึ้นกว่าเท่าตัวเพื่อรองรับการรับสมัครและการเปิดร้านค้าให้เข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บฟู้ดให้เร็วที่สุด โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยสมัครเข้ามาเฉลี่ยราว 2,000 ร้านค้าต่อวัน ซึ่งสูงขึ้นกว่าภาวะปกติถึง 3 เท่า ทั้งนี้ แกร็บตั้งเป้าเร่งขั้นตอนรับสมัครและเปิดร้านค้าให้ได้ภายใน 7-10 วัน (จากเดิม 14-21 วัน)


1.2) เร่งขยายการให้บริการจัดส่งอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในต่างจังหวัด
• โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-มีนาคม) แกร็บฟู้ดได้เปิดให้บริการเพิ่มขึ้นใน 8 จังหวัด อันได้แก่ ชลบุรี ระยอง นครปฐม สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ลำปาง อุตรดิตถ์ และมหาสารคาม พร้อมตั้งเป้าเปิดบริการเพิ่มอีก 9 จังหวัดในสามเดือนข้างหน้า เช่น ราชบุรี เพชรบุรี สุรินทร์ หนองคาย เป็นต้น


1.3) จัดแคมเปญเพื่อส่งเสริมพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร SME
• ทำแคมเปญ “Support Local Restaurants” เพื่อช่วยโปรโมตพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านขนาดเล็กหรือเป็นผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อให้เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากผู้ใช้บริการมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและสร้างการเติบโตในด้านยอดขายได้ถึง 6 เท่าเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตปกติ


กลุ่มที่ 2 : หน่วยงานราชการและบุคลากรทางการแพทย์
2.1) ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการตั้งรับ ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
• ประสานความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งรวมถึงข้อมูลการเดินทางของผู้ป่วยต้องสงสัย เนื่องจากแกร็บมีระบบเช็กประวัติการเดินทางของทั้งพาร์ตเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหาร รวมถึงผู้ใช้บริการในทุกเที่ยวการเดินทาง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง
2.2) สนับสนุนกิจกรรมของหน่วยงานด้านสาธารณสุข พร้อมส่งมอบกำลังใจไปสู่บุคลากรทางการแพทย์
• มอบส่วนลดค่าส่งเมื่อสั่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ดให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมโรค ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐ 7 แห่ง อันได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร สถาบันราชประชาสมาสัย โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมจนถึง 30 มิถุนายน
• สนับสนุนโรงพยาบาลของรัฐในการจัดส่งยาผ่านบริการแกร็บเอ็กซ์เพรส (GrabExpress) ให้แก่ผู้ป่วยถึงบ้าน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและลดความเสี่ยงจากการเดินทางให้แก่ผู้ป่วย เช่น โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
• ส่งเสริมการบริจาคผ่านการใช้แต้มของแกร็บรีวอร์ดส์ เพื่อสมทบทุนในโครงการป้องกันและช่วยเหลือสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 อาทิ มูลนิธิรามาธิบดี


กลุ่มที่ 3 : พาร์ตเนอร์คนขับและจัดส่งอาหาร-พัสดุ
3.1) ส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้เสริมให้แก่คนไทย
• เปิดรับสมัครพาร์ตเนอร์ผู้จัดส่งอาหาร-พัสดุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดโอกาสในการสร้างรายได้เสริมให้แก่คนไทยในภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์-มีนาคม) แกร็บได้รับพาร์ตเนอร์เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 29,000 คน และเตรียมเปิดรับเพิ่มอีกกว่า 35,000 อัตราในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการแก่คนไทยที่ไม่ต้องการเดินทางออกจากบ้านตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้
• เปิดให้พาร์ตเนอร์คนขับแกร็บคาร์และแกร็บแท็กซี่สามารถรับงานจัดส่งอาหารผ่านรถยนต์แทนบริการการเดินทางได้ เพื่อเป็นการปลดล็อกการสร้างรายได้ให้พาร์ตเนอร์คนขับกลุ่มนี้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลดจำนวนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงผู้โดยสารภายในประเทศ โดยแกร็บได้เริ่มนำร่องบริการจัดส่งอาหารผ่านรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาในกรุงเทพฯ นครปฐม และชลบุรี โดยมีพาร์ตเนอร์คนขับเข้าร่วมแล้วมากกว่า 10,000 คน
• จัดทำโปรแกรมผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยนำเสนอทางเลือกในหลายรูปแบบให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ เช่น การพักชำระหนี้ การปรับลดค่างวดเป็นแบบขั้นต่ำ การขยายระยะเวลาสินเชื่อ และการชำระคืนเฉพาะดอกเบี้ย เป็นต้น


3.2) ปกป้องดูแลสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของพาร์ตเนอร์
• แจกหน้ากากอนามัยกว่า 50,000 ชิ้น สเปรย์ฆ่าเชื้อในอากาศ และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือกว่า 3,000 ชิ้นให้แก่พาร์ตเนอร์นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งยังได้มอบส่วนลด 50% ในการเข้ารับบริการพ่นอบฆ่าเชื้อภายในรถยนต์ นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดหาหน้ากากผ้าเพิ่มเติมให้แก่พาร์ตเนอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อทดแทนหน้ากากอนามัยที่กำลังขาดแคลนอยู่ในขณะนี้
• ร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้กับพาร์ตเนอร์คนขับแกร็บแท็กซี่กว่า 3,000 รายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพโดยบุคลากรทางการแพทย์ในระหว่างเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ แกร็บยังได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจเชื้อมูลค่า 500 บาทสำหรับพาร์ตเนอร์คนขับที่มีความเสี่ยง พร้อมมอบเงินช่วยเหลือในกรณีพิเศษอีก 2,000 บาทหากตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคโควิด-19
• ร่วมกับเมืองไทยประกันชีวิตทำประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่มเพื่อคุ้มครองรายได้ให้กับพาร์ตเนอร์คนขับและพาร์ตเนอร์ผู้จัดส่งอาหาร-พัสดุ โดยมอบเงินชดเชย 500 บาทต่อวัน สูงสุด 15 วันเมื่อเข้าพักรักษาตัวหากป่วยเป็นโรคโควิด-19


กลุ่มที่ 4: ผู้ใช้บริการ
4.1) เพิ่มมาตรการในด้านความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ
• ทำแคมเปญสื่อสารเพื่อให้ความรู้และกระตุ้นความใส่ใจในการดูแลสุขภาพและการรักษาความสะอาดระหว่างการให้บริการของพาร์ตเนอร์คนขับและผู้จัดส่งอาหารอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร รวมถึง GrabKitchen ซึ่งเป็นครัวกลางของแกร็บทั้ง 2 สาขา เพื่อให้รักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยในการปรุงอาหาร นอกจากนี้ ยังได้ให้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในการส่งเสริมให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิของพาร์ตเนอร์ผู้จัดส่งอาหารก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ของร้านอาหารทั่วกรุงเทพฯ
• ประกาศใช้มาตรการส่งอาหาร-พัสดุแบบไร้การสัมผัส (Contactless Delivery) โดยให้พาร์ตเนอร์ผู้จัดส่งอาหารต้องเว้นระยะห่างกับลูกค้าอย่างน้อย 2 เมตรตลอดเวลา พร้อมส่งเสริมให้พาร์ตเนอร์ผู้จัดส่งอาหารปฏิบัติตามแนวทาง 8 ข้อในการจัดส่งอาหารอย่างปลอดภัย ตามประกาศของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ ยังออกมาตรการให้พาร์ตเนอร์ยืนห่างกันไม่น้อยกว่า 1 เมตรระหว่างรออาหารที่หน้าร้าน
• ส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิตหรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) แทนการใช้เงินสด เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินสด นอกจากนี้ แกร็บยังได้ร่วมมือกับธนาคารต่างๆ ในการทำโปรโมชันเพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการหันมาใช้ชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่ายอดสั่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ดโดยไม่ใช้เงินสด (Cashless Payment) เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว


4.2) เพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้บริการในการสั่งซื้อสินค้าที่จำเป็นผ่านแกร็บ
• เปิดบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคในการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น (จากเดิมที่มีฟีเจอร์ Groceries ซึ่งเป็นบริการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าจากท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และแฮปปี้เฟรช) โดยแกร็บได้จับมือกับเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้ออาหาร รวมถึงสินค้าที่จำเป็นจากแฟมิลี่มาร์ท โดยเริ่มให้บริการในเฟสแรกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ครอบคลุมกว่า 230 สาขาทั่วประเทศ และเตรียมขยายบริการไปสู่ท็อปส์ เดลี่ ในเร็วๆ นี้

“แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายและยากลำบากสำหรับทุกคน แต่วิกฤตครั้งนี้กลับทำให้เราได้เห็นพลังบวกที่ซ่อนอยู่ในหัวใจคนไทย ขอขอบคุณฮีโร่คนสำคัญทุกคน ไม่ว่าจะเป็น คุณหมอ พยาบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงอุทิศแรงกายแรงใจในการป้องกันโรคและรักษาผู้ป่วยอย่างสุดความสามารถ พาร์ตเนอร์ร้านอาหารทุกรายที่ทุ่มเทและตั้งใจปรุงอาหารที่สะอาดและถูกสุขลักษณะเพื่อให้ทุกคนได้อิ่มท้อง และที่ขาดไม่ได้คือฮีโร่แถวหน้าอย่างพาร์ตเนอร์คนขับแกร็บทุกคนที่ไม่เคยหยุดหัวใจการให้บริการ โดยยังคงเดินหน้ารับส่งผู้โดยสารและจัดส่งอาหารให้แก่คนไทยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แกร็บภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในเวลาเช่นนี้ และจะร่วมอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายธรินทร์กล่าว

เกี่ยวกับแกร็บ
แกร็บ (Grab) คือผู้นำด้านซูเปอร์แอปฯ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้แก่ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันแอปพลิเคชันแกร็บได้ถูกดาวน์โหลดบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า 163 ล้านเครื่อง ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ ร้านค้าและผู้แทนกว่า 9 ล้านราย แกร็บยังมีเครือข่ายการให้บริการขนส่งทางบกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยได้ให้บริการการเดินทางไปแล้วมากกว่า 3 พันล้านเที่ยวนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2555 นอกเหนือจากบริการการเดินทางแบบออนดีมานด์ที่มีความหลากหลายแล้ว แกร็บยังนำเสนอบริการด้านอื่นๆ ให้แก่ผู้ใช้งานทั่วทั้ง 339 เมืองใน 8 ประเทศ อันได้แก่ การบริการรับส่งอาหาร การจัดส่งสินค้าและพัสดุ ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนบริการทางการเงิน


กำลังโหลดความคิดเห็น