แกร็บ ประเทศไทย โชว์โมเดลธุรกิจภายใต้ชื่อ “Mini-GC” หรือศูนย์อบรมสาขาย่อย เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้เป็นเจ้าของธุรกิจ ทำหน้าที่รับสมัคร ดูแลและควบคุมมาตรฐานของพาร์ทเนอร์คนขับ จัดส่งอาหาร-พัสดุ รวมถึงพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร พร้อมเล็งขยายฐานการให้บริการทั้งด้านการเดินทางและการจัดส่งอาหาร-พัสดุในต่างจังหวัดให้ครบ 30 จังหวัดทั่วประเทศภายในปี 2563
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่าแกร็บกำลังเร่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทยอย่างยั่งยืน ทำให้ต้องการขยายการให้บริการในต่างจังหวัดเต็มรูปแบบผ่านศูนย์อบรมสาขาย่อย โดยปี 2562 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีทองของแกร็บ ประเทศไทยเพราะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งบริการการเดินทาง บริการส่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ด (GrabFood) บริการจัดส่งพัสดุและสิ่งของผ่านแกร็บเอ็กซ์เพรส (GrabExpress)
"นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าตอบสนองเทรนด์ธุรกรรมทางการเงินในยุคดิจิทัลเพื่อรองรับสังคมไร้เงินสดโดยได้เปิดตัวแกร็บเพย์วอลเล็ต (GrabPay Wallet) อย่างเป็นทางการ รวมถึงนำเสนอบริการเสริมใหม่ๆ อย่างบริการรถรับ-ส่งสำหรับลูกค้าชั้นธุรกิจผ่านแกร็บคาร์ พรีเมียม (GrabCar Premium) บริการคนขับรถยนต์ส่วนตัวอย่างแกร็บไดรฟ์ยัวร์คาร์ (GrabDriveYourCar) รวมไปถึงบริการสั่งซื้อของสดหรือสินค้าจากท็อปส์ซุปเปอร์มาร์เก็ตผ่านฟีเจอร์ Groceries ปัจจุบันพื้นที่ให้บริการของแกร็บครอบคลุม 20 จังหวัดทั่วประเทศ และเรายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของคนไทย”
สำหรับธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 35,000 ล้านบาทนั้น GrabFood ถือเป็นผู้เล่นรายหลักที่คอยขับเคลื่อนตลาดและสร้างโอกาสทางธุรกิจในยุคดิจิทัลให้กับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารซึ่งเป็นผู้ประกอบการ
รายย่อยจำนวนมาก
นอกจากแคมเปญการตลาดที่จัดเต็มต่อเนื่องเพื่อสร้างสีสันตลอดทั้งปีแล้ว ในปีที่ผ่านมาแกร็บยังได้เริ่มขยายการให้บริการไปหัวเมืองและเมืองรองเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในจังหวัดอื่นๆ จากเดิมที่มีเพียงกรุงเทพฯ โดยใช้เวลาไม่ถึงปีในการขยายธุรกิจ GrabFood ไปยัง 14 จังหวัดทั่วทุกภาค ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี โคราช รวมถึงหาดใหญ่ ปัจจุบัน 1 ใน 3 ของยอดรวมการสั่งอาหารของ GrabFood มาจากกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด
สำหรับในปีนี้ แกร็บจะรุกตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขยายฐานการให้บริการเพื่อให้ครอบคลุม 30 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า ‘ศูนย์อบรมสาขาย่อย’ หรือ Mini–GC (Mini Grab Center) ซึ่งเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายธุรกิจ
"เราเชื่อว่าโมเดลนี้จะช่วยเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจไปยังจังหวัดท้องถิ่นและสามารถตอบสนองความต้องการของทั้งพาร์ทเนอร์และผู้ใช้บริการในแต่ละจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่แกร็บได้นำโมเดลนี้มาใช้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจและสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนให้กับแกร็บ
ประเทศไทยได้”
นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้อํานวยการธุรกิจแกร็บไบค์ และศูนย์อบรมสาขาย่อย แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า Mini-GC เป็นโมเดลธุรกิจที่ แกร็บ ประเทศไทย ตั้งใจนำมาใช้เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่มีศักยภาพและต้องการก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกับแกร็บ โดยเจ้าของศูนย์ฯ จะมีหน้าที่ในการรับสมัคร ดูแล รวมถึงควบคุมมาตรฐานการให้บริการของพาร์ทเนอร์คนขับ–ส่งอาหาร และประสานงานกับพาร์ทเนอร์ร้านค้า
"แกร็บจะคอยให้การสนับสนุนด้านการฝึกอบรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาศักยภาพ พร้อมมีทีมงานที่คอยดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด และประเมินผลคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง”
ผู้ประกอบการที่จะร่วมเปิดศูนย์ Mini-GC จะต้องผ่านการพิจารณาของแกร็บใน 3 ด้าน ภายใต้หลักการ 3 ท. อันได้แก่ 1) ทุน คือต้องมีเงินทุนตั้งต้นและมีสถานะทางการเงินมั่นคง 2) ที่ คือมีความสามารถในการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อเปิดศูนย์ฯ และสุดท้าย 3) ทัศนคติ คือจะต้องมีแนวคิดของการเป็นผู้ประกอบการสมัยใหม่และสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของแกร็บ เพื่อให้สามารถพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับบริษัทได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แกร็บได้เริ่มทดลองใช้โมเดลดังกล่าวในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจและขยายการให้บริการ โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากพาร์ทเนอร์คนขับและพาร์ทเนอร์จัดส่งอาหาร-พัสดุ
ปัจจุบัน แกร็บมี Mini-GC จำนวนทั้งสิ้น 24 ศูนย์ โดยตั้งเป้าขยายจำนวนไปในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการขยายตัวของธุรกิจที่วางไว้