กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมใช้ระบบการประชุมทางไกลประชุมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หลังไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้การประชุมหลายเวทีต้องเลื่อนออกไป เผย WTO งดประชุมถึง เม.ย. และการประชุมรัฐมนตรีเดือน มิ.ย. เลื่อนด้วย ขณะที่อาร์เซ็ป เตรียมนำร่องใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์หารือกัน มั่นใจยังลงนามได้ภายในปีนี้ ส่วนการประชุมอาเซียน และเอเปก เลื่อนไปประชุม มิ.ย.แทน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเตรียมการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อการประชุมเจรจาระหว่างประเทศ ว่า ขณะนี้การเจรจาการค้าในเวทีต่างๆ ได้เลื่อนการประชุมออกไปแล้ว ทั้งการประชุมขององค์การการค้าโลก (WTO) การประชุมอาเซียนซัมมิต การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก และการประชุมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) รวมทั้งมีแนวโน้มว่าจะเลื่อนการประชุมในอีกหลายเวที กรมฯ จึงได้นำระบบการประชุมทางไกล หรือการประชุมเสมือนจริงมาใช้ในเวทีการประชุมระหว่างประเทศต่างๆ ทั้ง WTO อาร์เซ็ป รวมทั้งการประชุมหารือระหว่างไทยกับประเทศคู่ค้า เพื่อให้การทำงานไม่หยุดชะงักและสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย
โดยการประชุม WTO นายโรเบอร์โต อาเซเวลโก ผู้อำนวยการใหญ่ WTO ได้ประกาศระงับการจัดประชุมทั้งหมดที่สำนักงานใหญ่ ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เป็นการชั่วคราวจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.2563 หลังพบบุคลากร WTO รายหนึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่จะจัดให้มีการประชุมกลุ่มเจรจาเรื่องการอุดหนุนประมงของ WTO ที่จัดในรูปแบบการประชุมทางไกลเสมือนจริง (virtual meeting) แทน ขณะเดียวกัน สมาชิก WTO 164 ประเทศ ได้หารือและเห็นควรให้เลื่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก (WTO Ministerial Conference) ครั้งที่ 12 ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 มิ.ย.2563 ณ กรุงนูร์-ซุลตัน สาธารณรัฐคาซัดสถานด้วย
ส่วนการประชุมต่างๆ ของอาเซียน ซึ่งเวียดนามประเทศเจ้าภาพในปีนี้ ได้เลื่อนการประชุมนัดสำคัญแล้ว โดยการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 เม.ย.2563 ณ เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ได้เลื่อนไปจัดในช่วงปลายเดือนมิ.ย.2563 แทน ขณะที่การประชุมสุดยอดอาเซียนของระดับผู้นำ (ASEAN Summit) ก็จะเลื่อนการประชุมเช่นเดียวกัน
สำหรับการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) แม้สมาชิกหลายประเทศมีมาตรการห้ามเดินทางเข้า-ออกประเทศ แต่ทุกประเทศจะร่วมกันปรับแผนการทำงานเพื่อให้การเจรจาเดินหน้าต่อไป และสามารถลงนามความตกลงภายในปี 2563 ตามเป้าหมายเดิม โดยจะใช้วิธีการจัดประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ระหว่างสมาชิก โดยจะเริ่มใช้กับการประชุมคณะกรรมการเจรจาอาร์เซ็ป (TNC RCEP) ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 23-27 มี.ค.2563 ซึ่งเดิมกำหนดประชุมที่สำนักเลขาธิการอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเวทีแรก
ขณะที่การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่กำหนดจัดประชุมรัฐมนตรีการค้า และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปก ในเดือนเม.ย.2563 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนไปจัดในเดือนมิ.ย.2563 แทน เพราะเอเปกถือเป็นการประชุมใหญ่ที่มีสมาชิกในแถบเอเชียแปซิฟิกถึง 21 ประเทศ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฮ่องกง ไต้หวัน รัสเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการประชุมระดับทวิภาคีที่จะมีการนำเทคโนโลยีการประชุมทางไกลมาใช้ในเวทีที่สามารถทำได้ เช่น การประชุมทบทวนนโยบายการค้าของออสเตรเลีย หรือการประชุมกับคู่เจรจาการค้า เช่น เอฟทีเอไทย-ตุรกี เดิมกำหนดไว้เดือนมี.ค.2563 ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน และอาจจะใช้วิธีการประชุมทางไกลแทน หรือการเจรจากับคู่เจรจาบางประเทศ หากจำเป็นเร่งด่วน ก็จะใช้การประชุมทางไกล ถ้าไม่จำเป็นก็เลื่อนออกไปก่อน