ผู้จัดการรายวัน 360 - โควิด-19 พ่นพิษธุรกิจร้านอาหาร 420,000 ล้านบาทตก 10% แต่ดีลิเวอรีสวนทางโต 2 เท่าทะลุแสนล้านบาท “เซ็นกรุ๊ป” ปรับแผนลงทุนหลังโควิด-19 เล่นงานรายได้ลดง 20% ลดเปิดสาขา ผนึกหาดทิพย์ปั้นแบรนด์ “เขียง” ลุยภาคใต้
นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการร้านอาหารหลายแบรนด์ เปิดเผยว่า จากการระบาดหนักของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ทั่วในไทยและทั่วโลก คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดรวมร้านอาหารในไทยตกลงอย่างต่ำ 5-10% ลดลงเหลือประมาณ 410,000- 420,000 ล้านบาท จากเดิมมีมูลค่าตลาดรวมที่ 430,000-440,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การบริการอาหารในช่องทางการจัดส่งหรือดีลิเวอรีจะมีการเติบโตที่ดีทดแทน ซึ่งคาดว่าทั้งปีนี้ดีลิเวอรีอาหารจะโตถึง 2 เท่า เป็นมูลค่ารวม 100,000 ล้านบาท จากเดิมมีมูลค่า 50,000 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคเกรงกลัวการออกมานอกบ้านเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงทำให้บริการส่งอาหารไปรับประทานที่บ้านเติบโตมากขึ้น ซึ่งในส่วนของเซ็นกรุ๊ปเองนั้นคาดว่าปี 2563นี้ยอดขายจากดีลิเวอรีของบริษัทจะเพิ่มจาก 120 ล้านบาทเมื่อปีก่อน เป็น 200 ล้านบาทในปีนี้
สำหรับธุรกิจร้านอาหารของกลุ่มเซ็นที่มีหลายแบรนด์นั้น พบว่าเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียวมียอดขายโดยรวมลดลงกว่า 20% ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับแผนงานการลงทุนใหม่ จากเดิมตั้งเป้าหมายปีนี้จะเปิดร้านใหม่ทุกแบรนด์รวม 80 สาขา ลดลงเหลือเพียง 40 สาขา โดยจะมุ่งเน้นขยายแบรนด์เขียงเป็นหลักในสรูปแบบแฟรนไชส์ เปิดบริการนอกศูนย์การค้า ปั๊มน้ำมัน ตึกแถวต่างๆ และรีโนเวต 8 สาขา งบลงทุนเดิมที่ตั้งไว้ถึง 200 ล้านบาท จะเหลือเพียง 80 ล้านบาท
ปัจจุบันร้านเขียงของบริษัทฯ มีประมาณ 60 สาขา หลังจากที่เริ่มเปิดเมื่อกลางปีที่แล้วมียอดขายที่ดีขึ้น โดยเฉพาะดีลิเวอรีที่เติบโตถึง 2-3 เท่าช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งปกติร้านเขียงจะมียอดขายประมาณ 2 แสนบาทต่อเดือนต่อสาขา เพิ่มขึ้นเป็น 3-5 แสนบาทต่อเดือนต่อสาขา
อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตนี้ทำให้สาขาร้านอาหารในเครือในห้างฯ เงียบเหงา แต่ร้านราคาประหยัดทำออเดอร์ดีลิเวอรีไม่ทัน เซ็นฯ กรุ๊ปจึงปรับใหม่ นำร้าน “ตำมั่ว” 4 สาขาที่ยอดขายลดลงมาก เช่น เอเชียทีค บิ๊กซีราชประสงค์ ทดลองทำเป็นครัวกลางสำหรับร้านเขียงด้วย โดยหน้าร้านจะไม่มีขายเมนูของร้านเขียง แต่ถ้าสั่งอาหารออนไลน์จะปรากฏสาขาของเขียง ผลตอบรับปรากฏว่าดันยอดขายสาขานั้นๆ กลับมาได้ 15-20%
ดังนั้นจะขยายโมเดลเปิดครัวกลางร้านเขียงในร้านตำมั่ว 40 สาขาที่กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ ชั้นใน รวมถึงใช้โมเดลเดียวกันจับคู่ร้าน ZEN กับร้าน Musha by ZEN ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นราคาประหยัด โดยจะทดลองทำครัวกลาง Musha ในร้าน ZEN ก่อน 5 สาขา คือ ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ, สยามสแควร์ วัน, เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะแจ๊ซ วังหิน และอาคารออลซีซั่นส์เพลส เริ่ม 18 มีนาคมนี้ จากนั้นจะทยอยเปิดครัวกลางในร้าน ZEN ให้ครบ 20 สาขาภายใน 3 เดือนข้างหน้า
ล่าสุดได้ตั้งบริษัทร่วมทุนกับทางกลุ่มบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์โคคา-โคลา ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อตั้งบริษัท กินดีอยู่ดี 2020 จำกัด โดยกลุ่มหาดทิพย์ถือหุ้น 75% และกลุ่มเซ็นถือหุ้น 25% ผ่านบริษัท เซ็น แอนด์ สไปซี่ จำกัด เพื่อร่วมกันขยายร้านเขียงใน 14 จังหวัดภาคใต้ ทำให้การขยายตัวรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ทิศทางขยายสาขาในปี 2563 จะเน้นการขยายสาขาแบรนด์ ‘เขียง’ ภายใต้โมเดลแฟรนไชส์ คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่ในปีนี้เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 100 สาขา โดยเน้นความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรชั้นนำภายใต้กลยุทธ์ ‘Collaboration’ รูปแบบต่างๆ มากขึ้น ทั้งการร่วมทุนเป็นพาร์ตเนอร์กับผู้ประกอบการชั้นนำที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาคหรือระดับจังหวัด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและร่วมมือกันขยายสาขาเชิงรุกได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนการขยายธุรกิจด้วยโมเดลแฟรนไชส์ โดยการแต่งตั้งผู้ประกอบการในท้องถิ่นที่สนใจธุรกิจร้านอาหารเพื่อให้สิทธิ์แฟรนไชส์ขยายสาขาในแต่ละจังหวัด
นายบุญยงกล่าวต่อว่า จากการปรับแผนธุรกิจคาดว่าปีนี้รายได้รวมจะเติบโต 5-10% จากรายได้รวมที่ทำได้ 3,144 ล้านบาทในปี 2562 พร้อมกับมีผลกำไร 4 -5% โดยเป็นผลจากการขยายสาขา การลดต้นทุนวัตถุดิบ การขอปรับลดค่าเช่าพื้นที่
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ได้ปรับพอร์ตธุรกิจร้านอาหารให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสขยายสาขาภายนอกศูนย์การค้าและเพิ่มสัดส่วนรายได้จากร้านอาหารหลากหลายสไตล์ ได้แก่ การเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ เช่น ‘เขียง’ ร้านอาหารตามสั่งรสชาติจัดจ้านในราคาที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าถึงได้ ปัจจุบันเปิดบริการแล้วประมาณ 60 สาขา จากพอร์ตร้านอาหารทุกแบรนด์รวมกันกว่า 340 สาขา, ‘FOO Flavor’ ร้านอาหารสไตล์ไทยฟิวชันที่สร้างความแปลกใหม่ในด้านรสชาติ, Din’s ร้านอาหารจีนจานด่วนที่ซื้อแฟรนไชส์จากญี่ปุ่น ฯลฯ