ACG รับห่วงผลกระทบโควิด-19 ฉุดกำลังซื้อรถยนต์ช่วงสั้น แต่ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 10% ด้านแผนการลงทุนปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีกจำนวน 2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 10 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการขยายสาขาใหม่ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นแห่งที่ 3 หลังจากการเปิดสาขาไปแล้ว 2 แห่ง ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเข้าใช้บริการเป็นอย่างดี
นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง (ACG) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการขอย้ายหลักทรัพย์เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากปัจจุบันจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งขณะนี้บริษัทมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/63 หรืออย่างช้าที่สุดภายในไตรมาส 3/63 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ทำให้ลดข้อจำกัดเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเสถียรภาพให้กับบริษัทในระยะยาว
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระยะสั้นอาจสร้างผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ของ HONDA เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในตัวแทนดีลเลอร์ขายรถยนต์ HONDA รายใหญ่ โดยเฉพาะสาขาตามหัวเมืองใหญ่ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว แต่บริษัทมีรายได้จากการเข้าซ่อมบำรุงของลูกค้าในศูนย์บริการอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามเวลาที่กำหนดเข้าตรวจและซ่อมบำรุงรถยนต์ ดังนั้น เชื่อว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไม่ยืดเยื้อและคลี่คลายได้โดยเร็ว แนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน
นายภานุมาศกล่าวอีกว่า แผนการลงทุนปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีกจำนวน 2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 10 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการขยายสาขาใหม่ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นแห่งที่ 3 หลังจากการเปิดสาขาไปแล้ว 2 แห่ง ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเข้าใช้บริการเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดเพิ่มอีกหนึ่งแห่งในพื้นที่เกรด A เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อก้าวเข้าสู่เป้าหมายระยะยาวที่มีแผนเปิดสาขาให้ครบ 15 แห่งครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคในประเทศภายในปี 2565
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ บริษัท ออโตคลิก บาย เอซีจี จำกัด (Autoclik By ACG Co.,Ltd.) เพื่อประกอบธุรกิจการจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ และการให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ (FAST FIT) มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท คาดชัดเจนในไตรมาส 3/63 เบื้องต้นมีแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท เพื่อใช้นำร่องขยายสาขา 5 แห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต ประเมินระยะเวลาคืนทุนประมาณ 3 ปี
"ทุกวันนี้ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์มีข้อจำกัดเรื่องฐานลูกค้าถูกจำกัดแค่ยี่ห้อฮอนด้าเท่านั้น ซึ่งมองเป็นจุดอ่อนทางธุรกิจ แต่เมื่อเราเริ่มธุรกิจใหม่ FAST FIT สิ่งที่จะเกิดขึ้นอันดับแรกคือจะช่วยลบจุดอ่อนของเราทันที ตามมาด้วยเพิ่มขนาดฐานลูกค้ากว้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเมื่อขยายซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ มีโอกาสผลักดันการเติบโตผลประกอบการของทั้งกลุ่มฯ เติบโตได้รวดเร็ว แม้ว่าจะเริ่มนำร่องในภูเก็ต 5 แห่ง แต่ในระยะยาวมีเป้าขยายไปครอบคลุมทั่วประเทศ และเมื่อธุรกิจใหม่มีจำนวนสาขาที่มากขึ้น ต้นทุนการบริหารจัดการต่ำลง ถือเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะช่วยผลักดันศักยภาพทำกำไรบริษัทให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน" นายภานุมาศกล่าว
